“ทนายไพศาล” ร้อง กมธ.ทหาร บี้สอบทุจริตงานวิจัยหน้ากากกันแก๊สพิษ “อาจารย์ ม.ดัง” หลังสูญงบ 3.8 ล้าน แต่งานวิจัยไม่ได้มาตรฐาน-ไร้คุณภาพ แถมยัดไส้ใบ Certifcate ปลอม ชี้หากนำไปผลิตจริง ผลาญงบเพิ่มอีก 150 ล้าน ปูด! “กองทัพ” เคยยื่นร้อง ป.ป.ช. แต่ผ่านมา 6 ปียังเหลว
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ เดินทางมายื่นร้องเรียนต่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร กรณีอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขน ทำวิจัยหน้ากากป้องกันแก๊สพิษให้กองทัพ แต่กลับนำเอกสารรับรองมาตรฐานวัสดุประเภทมายืนยันในผลงานวิจัย สูญเสียงบประมาณไปจำนวน 3.8 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ทนายไพศาลได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อร้องทุกข์ต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เพื่อให้ตรวจสอบปมทุจริตดังกล่าวแล้ว
ทนายไพศาล เปิดเผยว่า เราพบหลักฐานชิ้นใหม่ โครงการหน้ากากกันก๊าซพิษของกองทัพ ร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปีงบประมาณ 2560 โดยวิจัยเล่มนี้สั่งให้ทำหน้ากากกันแก๊สให้กำลังพล ใช้ระยะเวลาวิจัย 18 เดือน ซึ่งทำเสร็จภายใน 10 เดือน ในเนื้อหางานวิจัยมีใบ Certifcate ปลอม หรือเอกสารรับรองมาตรฐานปลอมจากต่างประเทศ ซึ่งหัวหน้าโครงการเคยออกมายอมรับ แต่อ้างว่าทหารเป็นคนปลอมแปลง และมีการเตรียมงบประมาณ 150 ล้านบาท สำหรับผลิตหน้ากากกันแก๊สพิษ จำนวน 5 หมื่นชิ้น ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทั้งนี้ กองทัพเคยร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม และส่งเรื่องไปที่ ป.ป.ช. แต่เวลาผ่านมา 6 ปียังไม่ทราบความคืบหน้า ทราบเพียงว่าไม่ได้เรียกเจ้าหน้าที่ทหารมาตรวจสอบ ดังนั้นกรณีการใช้เอกสารปลอม เจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิด เนื่องจากเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตามมาตรา 157 พร้อมตั้งคำถามว่าใครสอดไส้งานวิจัย และขอให้กองทัพไทยเร่งรัดให้ ป.ป.ช.หาคนผิดมาลงโทษ
เบื้องต้นจะทำหนังสือสอบถามขอรายละเอียดโครงการทั้งหมดจากกองทัพ หากกองทัพตอบรับไม่ครอบคลุมหรือล่าช้า คณะกรรมาธิการทหารจะเชิญหน่วยงานกองทัพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เข้ามาชี้แจง และเชิญทนายไพศาลให้เข้ามาซักถาม ในฐานะตัวแทนจากภาคประชาชนด้วย นอกจากนี้ตนเองจะทำหนังสือสอบถามความคืบหน้าไปยัง ป.ป.ช.ภายในสัปดาห์หน้าด้วย
“ความเสียหายที่น่ากังวลคือ หากมีการออกใบรับรองเท็จนำมาสู่การผลิตจริง นอกจากจะสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างน้อย 150 ล้านบาท จะถือเป็นการผลิตของที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่มีคุณภาพ หากกำลังพลนำไปใช้ในการปฏิบัติภารกิจทางทหาร อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของกำลังพล”