Home FeatureSpotlight คอลัมน์: คมข่าว 26/3/67

คอลัมน์: คมข่าว 26/3/67

by admin

“เดินดงคมข่าว” เคาะคีย์บอร์ดในคอลัมน์ “คมข่าว” 26 มี.ค.2567 …▶▶… ควันหลงในการประชุมพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 แม้หมากเกมจะเดินไปตามที่คาดหมาย นั่นคือเสียงข้างมากโหวตผ่านฉลุย แต่ที่เป็นกรณีวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำหน้าที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน เห็นจะเป็นพรรคส้ม ที่แสดงภูมิรู้ในการทำหน้าที่ผู้แทนต่ำกว่ามาตรฐานจนน่าใจหาย เช่น กรณี “น้องแก้วตา-ธิษะณา ชุณหะวัณ” ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงงบประมาณ ปี 2567 ในสภาฯ และได้ปล่อยไก่ อ่านตัวเลขหลักร้อยล้านกลางสภาฯ ไม่เป็น อ่านผิดซ้ำซาก จนผู้บรรยายภาษามือให้ผู้พิการไปไม่เป็น ตัวเลขที่ ส.ส.ส้ม อ่านไม่ออกคิดไม่เป็นก็คือ “768,601,800 บาท” เธออ่านวนไปวนมาเริ่มต้นก็คือ เจ็ดแสนแปดพัน และก็อ่าน เจ็ดหกแปดสิบ ฯลฯ ส่อแสดงให้เห็นว่าวุฒิภาวะ ส.ส. ภูมิรู้ และความไม่ใส่ใจในการทำหน้าที่ ส.ส. “สอบตก” ทุกกรณี ส่งผลให้ไลฟ์โค้ช และบุคคลสาธารณะหลายคน ออกมาสอนวิธีการอ่านตัวเลข เช่น นักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง “ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค” เสนอแนะแบบเจ็บแสบ โดยแนะนำให้สังเกตเครื่องหมาย “ลูกน้ำ” หรือ “จุลภาค” (comma) ขั้นตัวเลข ทุกๆ 3 ตัว ถ้าไปเห็นตัวเลขที่ไหนเขียนมาให้ท่านอ่านโดยไม่มีลูกน้ำขั้น ให้ขออนุญาตผู้ชม เอาปากกามาเขียนลูกน้ำเอง ทุกๆ 3 ตัว แล้วค่อยอ่าน หลังเสร็จงานควรกลับไปด่าไอ้คนที่เขียนตัวเลขยาวๆ มาให้อ่านโดยไม่มีลูกน้ำ ว่า ไอ้หอยหลอด ไอ้ไม่มีการศึกษา หรือไอ้อะไรก็ได้ตามแต่พอใจ (ยกเว้นกรณีเลขสลากกินแบ่งรัฐบาล เพราะไม่ใช่จำนวน…แต่เป็นวาสนา) ...▶▶… จะว่าไป “เดินดงคมข่าว” ก็อดสงสารแม่หนูแก้วตา (หลานน้าชาติ) อยู่มิใช่น้อย เพราะดูเธอมีความตั้งใจมาก แต่ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมในการทำหน้าที่ ส.ส. นอกจากอ่านตัวเลขหลักร้อยล้านไม่เป็นแล้ว เธอยังอภิปรายผิดมาตราเสียอีก กล่าวคืองบประมาณกระทรวงยุติธรรม ใมมาตรา 31 เธอก็อภิปรายมาตรา 21 ซึ่งเจ้าตัวยอมรับผิดหลังจากมีสมาชิกประท้วง แต่ที่น่าใจหายยิ่งกว่า ก็คือ การทำหน้าที่ของ “หมออ๋อง-ปดิพัทธ์ สันติภาดา” รองประธานสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานประชุม ก็ไม่ประสากับข้อกฎหมายออกมาช่วยอุ้มสมนัยว่า สิ่งที่ ส.ส.ก้าวไกลอภิปรายเป็นความเกี่ยวเนื่อง ทั้งที่มันคนละมาตรา แสดงให้เห็นว่าวุฒิภาวะ ส.ส.ก้าวไกล ตั้งแต่หัวยันหางนี่ “อ่อนหัด” สมควรจะต้องจัดอบรมติวเข้มกัน…ก่อนที่จะขายขี้หน้าประชาชีมากไปกว่านี้ …▶▶

… อีกกรณีก็คือ “ศุภโชติ ไชยสัจ” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายพาดพิงเรื่องที่รัฐบาลลดค่าไฟฟ้าให้ประชาชนว่าทำให้เป็นปัญหาการเงินให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ทำเอาเสี่ยตุ๋ย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ต้องชี้แจงว่า สิ่งที่ ส.ส.ศุภโชติ อภิปราย ไม่ได้ปกป้องผลประโยขน์ของประชาชน แทนที่จะชื่นชมรัฐบาลที่สามารถทำให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าในราคาที่ถูกลง แต่กลับแสดงความห่วงใยกระแสเงินสด กฟผ. และยังมีการใช้ “ข้อมูลทิพย์” คาดเดาตัวเลขในอนาคตที่ไม่สอดรับกับข้อเท็จจริง ...▶▶… ตอกฝากโลง “ไอซ์-รัชนก” ส.ส.ก้าวไกล กทม. อภิปรายเกี่ยวกับการปรับลดงบเด็กปฐมวัยกรุงเทพมหานคร ชนิดปล่อยไก่เป็นฟาร์ม จนถูกกรรมาธิการตอกหน้าว่า ผิดที่ผิดเวลา หากต้องการของบตัดงบในส่วนนี้ คุณไอซ์ต้องไปสอบถามสภา กทม. ไม่ใช่มอภิปรายในสภาผู้แทนฯ สมเป็นฉายาที่ว่า “หลุมดำแห่งบางบอน” โดยแท้ ก่อนจะตำหนิผู้แทนก็ทำให้คิดถึงความเห็นที่ว่า “ผู้แทนเป็นอย่างไร ประชาชนที่เลือกมาก็เป็นเช่นนั้น” ติ่งส้มสื่อด้อม-ส้มที่พากันเชลียร์ ยังจะเชิดชูพรรคคนรุ่นใหม่แห่งความหวังกันอีกต่อไปหรือไม่ อยากรู้จัง ...▶▶… สภาพนักโทษเทวดา ที่เดินสายปิ๊กบ้านเชียงใหม่ ท่ามกลางกองเชียร์ และบรรดา ส.ส.เพื่อไทยที่แหแหนไปต้อนรับ ดินเนอร์กันหรูหรา บรรยากาศเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ด้วยความศรัทธาที่มีต่อผู้นำจิตวิญญาณ “ทักษิณ ชินวัตร” ทุจริตฉกฉวยผลประโยชน์ภาษีประชาชนทำบ้านเมืองเสียหาย ไม่ต้องรับโทษจองจำติดคุก บรรทัดฐานนี้ได้สั่นครอนความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ที่แสนจะร้าวลึก แม้กฎระเบียบใหม่ที่อดีตเจ้ากระทรวงยุติธรรม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เนรมิตรองรับการคัมแบ็คนายใหญ่ จะไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง ทว่าปุถุชนคนธรรมดาจะได้รับสิทธิอย่างนี้คงเป็นเรื่องที่ยาก อย่างกรณีอดีตเสนาบดี  “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำมาหลายปี สุขภาพก็ไม่สู้ดีโรครุมเร้า อายุก็ปาเข้าไป 64 ปีแล้ว ยังคงต้องรับโทษในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกเขาเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2560 เป็นระยะเวลา 42 ปี ตลอดระยะเวลานายบุญทรงได้ให้ทนายอุทธรณ์ แต่โชคชะตาไม่เข้าข้างเขา ศาลกลับลงโทษเพิ่มอีก 6 ปี รวมเป็น 48 ปี ยังดีที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษถึงสองครั้ง ทำให้บัดนี้ มีโทษจำคุกเหลือเพียง 10 ปี จะพ้นโทษในวันที่ 21 เม.ย.71 นี่แหละบทพิสูจน์ชี้ชัดว่า กฎหมายบ้านเมืองเราเข้มแข็งศักดิ์สิทธิ์ สำคัญแต่ “ผู้บังคับใช้กฎหมาย” จะมีความยุติธรรมเที่ยงแท้เพียงใดเท่านั้น ...▶▶

▶▶… คดีทุจริตข้าวจีทูจี นอกจากบุญทรงแล้ว ยังมีรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ “ภูมิ สาระผล” ถูกจำคุก 36 ปี และยังมีนักการเมืองอย่าง “วัฒนา เมืองสุข” อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร ศาลสั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลา 99 ปี ริบเงิน 89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 มี.ค.65 “เดินดงคมข่าว” เห็นจุดจบของนักการเมืองขี้ฉ้อ ก็สังเวชใจอยู่มิใช่น้อย เชื่อว่าหลายคนอาจตายในเรือนจำ ทรัพย์สินที่โกงมาไม่ได้ใช้ ต้องสูญสิ้นอิสรภาพ ซึ่งนักการเมืองที่ทุจริตและถูกจองจำคุกนี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนจากรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ น่าสนใจตรงที่เหตุใดคนเหล่านี้จึงติดคุกจริง และเหตุใดผู้นำจิตวิญญาณอย่างทักษิณ ชินวัตร ติด “คุกทิพย์” เรียกว่าโกงแล้วยังได้ดีมีให้เห็น ...▶▶… แม้จะอยู่ระหว่างพักโทษคดีทุจริต ก็ยังเที่ยวเดินสายให้สาวกพากันกราบไหว้ สรรเสริญว่าเป็นผู้มีคุณงามความดี การเดินทางไปที่ทำการพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ของทักษิณ ย่อมตอกย้ำว่า คนอย่างทักษิณกำลังจะกลับมาทวงอำนาจคืน เพราะคนอย่างเขา มักพูดอยู่เสมอว่า “ผมแพ้ไม่เป็น” ใครจะเป็นจะตายก็ช่างแม่งมันๆ ดังบทเพลงที่ทักษิณโหยหวยร้องข้ามประเทศให้คนไทยได้ฟังมาแล้วนั่นเอง หมากเกมนี้ คือการกระชับฐานอำนาจของระบอบทักษิณที่รอคอยมายาวนานถึง 16 ปี อันมีเป้าหมายมุ่งข่มโจมตีบดขยี้พรรคก้าวไกลที่ตกอยู่ในสภาวะผีหัวขาด…นับถอยหลังรอวันถูกยุบพรรค ...▶▶… มหากาพย์ศึกสีกากีระอุขึ้นมาอีกคำรบ หลังจาก นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน สั่ง บิ๊กต่อ-ผบ.ตร. และบิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. มาช่วยราชการสำนักนายกฯ เมื่อมีปฏิบัติการ “สงครามตัวแทน” ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดโปงขบวนการส่วยที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจระดับสูง โดยยืนยันการออกมาครั้งนี้ไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลัง และไม่มีคนว่าจ้างแต่อย่างใด และยืนยันไม่ได้เป็นการช่วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. การออกมาเปิดเผยครั้งนี้อาจจะไม่คุ้ม แต่สังคมคุ้ม ซึ่งรู้ว่าหลังจากนี้ก็จะโดนขุด โดนแฉ รวมถึงโดนข้อหาแน่นอน การแถลงข่าวของทนายตั้มสรุปภาพรวมๆ ก็ล้วนแต่เป็นชุดข้อมูลโจมตี “บิ๊กต่อ-บิ๊กเต่า” พูดง่ายๆ ก็คือชุดข้อมูลของทนายตั้ม นี่..ช่างสอดรับกับข้อมูลของบิ๊กโจ๊กที่เคยออกมาระบุก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้มีความชัดเจนมากกว่า หรือนี้คือสิ่งที่บิ๊กโจ๊กเคยระบุไว้ว่า “ถ้าเปิดขึ้นมา…มีหวัง สตช.ตายยกรัง” สรุปการหย่าศึกสีกาของ “นายกฯ นิด” ล้มเหลวไม่เป็นท่า!!!! ...▶▶

▶▶… ปิดท้ายว่าด้วยเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ “บัตรคนจน” เรียกว่ายิ่งจนยิ่งเจ็บ โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ผู้มีรายได้น้อย จะได้รับเงินโอนเดือนละ 300 บาท เพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค กระทรวงการคลังได้ออกกฎกติกาใหม่ให้ร้านค้าที่ร่วมโครงการสแกนใบหน้าผู้ถือบัตรคนจน จากเดินที่แค่บอกรหัสผ่าน 6 ตัว ก็สามารถใช้สิทธิซื้อสิ่งของได้แล้ว ซึ่งผู้สูงอายุหลายคนมักให้บัตรลูกหลานนำไปซื้อแทนตน บางคนติดเตียง บางคนเดินเหินลำบาก กฎใหม่นี้เจ้าของบัตรจะต้องถ่อสังขารไปใช้สิทธิเอง ส่วนร้านค้าก็พากันปิดป้ายเลิกรับบัตรคนจน เพราะเบื่อหน่ายกับขั้นตอนสแกนใบหน้าที่ยากเย็นแสนเข็ญ เสียเวลาทำมาค้าขาย นี่คือผลงานของท่าน รมว.คลัง ในรอบ 6 เดือน นอกจากสะสมไมล์ทัวร์ต่างประเทศมากกว่าบริหารราชการแผ่นดินอยู่ในประเทศไทย อนาถจิตจริงครับ ...

“เดินดงคมข่าว”

Related Articles

Leave a Comment