“เดินดงคมข่าว” เคาะคีย์บอร์ดแจงสี่เบี้ยในคอลัมน์ “คมข่าว” 3 เม.ย.2567 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 เริ่มขึ้นแล้วเป็นวันแรก และจะสิ้นสุดในวันที่ 4 เม.ย.นี้ ก่อนที่จะปิดสมัยประชุม …▶▶… “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีถูกสมาชิกฝ่ายค้านดาหน้าถล่ม ซึ่งส่วนใหญ่ยังกังขากับความเป็นนายกฯ ตัวจริงเสียงจริงหรือไม่ หรือว่ามีนายกฯ ตัวใหญ่หน้าเหลี่ยมคอยบงการอยู่เบื้องหลังหรือไม่??? “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ชำแหละนายกฯ เซลล์แมนบินแหลกเดินสายไปต่างประเทศ ปากก็พร่ำบ่นว่า “เศรษฐกิจไทยวิกฤต” แล้วนักลงทุนหน้าโง่ที่ไหนจะหอบเงินมาลงทุนเป็นแสนล้าน หรือว่าเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งอยู่แล้ว นักลงทุนต่างชาติจึงเชื่อมั่น ไม่ใช่เชื่อมั่นในรัฐบาล ซ้ำยังตอกหน้านายกฯ นิดว่า “อย่าบินเหมือนแมลงวัน…ผู้นำควรบินเหมือนเหยี่ยวที่มีเป้าหมายหวังผลได้” และที่นายกฯ โฆษณาโอ้อวดจะมีเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลในไทย ไม่ทราบว่า “ปิดการขาย” อะไรได้บ้าง??? สรุปแล้วท่านเป็นนายกฯ ตัวจริงหรือไม่ หรือมีนายกฯ ใหญ่-นายกฯ เล็ก คอยชี้นำ จนนโยบายเศรษฐกิจล้มเหลว และไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน ที่สำคัญนายกฯ ยังนั่งควบเก้าอี้ รมว.คลัง โลกงง เพราะการโร้ดโชว์ของนายกฯ ในต่างแดน มันย้อนแย้งกับสิ่งที่นายกฯ พูด …▶▶… หลังจากอดรนทนฟังมาแต่เช้า ช่วงบ่าย นายกฯ เศรษฐา ได้อภิปรายชี้แจงว่า การเดินทางไปต่างประเทศนั้นมีเป้าหมายชัดเจน การลงทุนต่างชาติหลายโครงการรัฐบาลชุดนี้ก็สานต่อนโยบายจากรัฐบาลที่ผ่านมา และได้บินแบบเมลงวัน ส่วนฝ่ายค้านเอง ก็อย่าเป็น “ฝ่ายค้านโลกงง” ล่ะกัน พอวันหนึ่งก็จะเป็นฝ่ายค้าน อีกวันหนึ่งก็มีข่าวพยายามจะมาเป็น “พรรคร่วมรัฐบาล” ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็จะเป็นฝ่ายค้านแมลงหวี่ ส่วนเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศมีทิศทางเป็นบวกๆ ขอให้อดทนรอคอยภายใน 2 ปีนับจากนี้ จะมีคลื่นสึนามิลงทุนจำนวนมหาศาล ยืนยันว่าเป็นนายกฯ ตัวจริงเสียงจริง และเป็นรัฐบาลของประชาชน …▶▶
▶▶… ที่สุดก็ไปตามที่หลายฝ่ายคาดการไว้ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคก้าวไกลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองปี 2560 มาตรา 92 และขอให้เพิกถอนสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค ห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่จดทะเบียนขึ้นใหม่ด้วยเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยศาลให้โอกาสยื่นแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน “เดินดงคมข่าว” เอาใจช่วยพรรคสีส้ม…ซึ่งเชื่อว่าบรรดาแกนนำที่ส่อแววว่าจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง จะตระเตรียมกองกำลังแถวที่ 3-4 เพื่อสร้างพรรคใหม่ และหวังใจยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มก้อนคนเหล่านี้ ควรสานฝันให้ประชาชนได้เป็นที่พึ่งพิง เลิกข้องแวะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หมากเกมการเมืองก็มีแค่นี้ …เว้นแต่ว่า “รับงานมหาอำนาจ” มา ก็ต้องตกอยู่ในวังวนเช่นนี้สืบไป …▶▶
▶▶… ศึกสีกากียุ่งเหมือนลิงแก้แห ทั้งในสภาฯ นอกสภาฯ ประชาชนแสนจะเอือมระอากับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ปฏิบัติหน้าที่ฉกฉวยผลประโยชน์เล่นพรรคเล่นพวก เก็บส่วยจนองค์กรไม่อาจเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ติดกระตุมเม็ดแรกผิดหรือไม่??? ในการแต่งตั้ง “ผบ.ตร.” สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากท่านนายกฯ แข่งยศแข่งวาสนามันต้องมีบุญเก่าหนุนนำ หรือมีคอนเนกชั่นระดับเทพ อยู่ๆ คนที่เป็นลูกน้องก็ก้าวกระโดดข้ามเขาสามลูกมาเป็นเจ้านาย จะใครที่ไหนถ้าไม่ใช่ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” รักษาการ ผบ.ตร. บิ๊กต่ายส้มหล่นพูดเสียงดังฟังชัด วันนี้ผมเป็นผู้บังคับบัญชาของรองฯ สุรเชษฐ์ ตามกฎหมาย ดังนั้นการพิจารณาในเรื่องของวินัยเป็นหน้าที่ของผม ตามมาตรา 105 ของกฎหมายตำรวจเมื่อปี 2565 …▶▶… “เดินดงคมข่าว” ได้ยินได้ฟังหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบกรณี 2 บิ๊กสีกากีให้คำมั่นกับสังคมว่าจะดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีคำว่ามวยล้มต้มคนดู พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร “มือปราบขุนดง” ออกมายืนยันหนักแน่น ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น เพราะเขามีอิสระในการทำงาน ไม่ได้ขึ้นกับนายกฯ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่มาจากการเลือกตั้งของพี่น้องตำรวจทั่วประเทศ ดังนั้นหากหลักฐานสาวไปถึงใครก็ต้องว่าไปตามนั้น ใครผิดก็ต้องผิด ไม่มีการปกป้องช่วยเหลือกันอย่างแน่นอน ภาพยนตร์ยุทธจักรโล่เงินจะจบลงอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป …▶▶… ปิดท้ายสำหรับหน่วยงานที่โลกลืม แต่กลับได้รับการจัดสรรงบประมาณแต่ละปีกว่า 360 ล้านบาท การผลาญงบแผ่นดินมีให้เห็นหลายหน่วยงานหลายโครงการ เป็นโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน กรณีนี้เป็นข่าวขึ้นมาเมื่อมีการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 โดย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สคช.) ได้ทำความเห็นต่อสำนักปลัดนายกฯ เพื่อประกอบความเห็น ครม. ว่ามีความจำเป็นอย่างไรที่ “สภาองค์กรของผู้บริโภค” ขอรับงบประมาณสูงถึง 360 ล้านบาท ทั้งที่ภารกิจหรือผลงานไม่ได้มีอะไรเลย นอกจากพยายามสัมมนาสร้างเครือข่าย แต่ละปีสภาองค์กรของผู้บริโภคนี้ได้ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนอย่างไร มีดัชนีชี้วัดหรือไม่ เท่าที่ “เดินดงคมข่าว” ส่องดูผลงานจากเว็บไซต์องค์กรแห่งนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรนอกจากกล่องความคิดละเลงงบแผ่นดิน ก็ไม่รู้ว่าจะเนรมิตหน่วยงานเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อการใด ฝ่ายการเมืองคงรู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะโดยหลักแล้ว เราก็มีสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อยู่แล้วมิใช่หรือ???
“เดินดงคมข่าว”