จับตาพรุ่งนี้!!! “กกต.” จ่อฟัน สว.ล็อตแรก 60 คน เตรียมชงศาลฎีกานักการเมืองฯ เพิกถอนสิทธิ หลังชุดสืบสวนไต่สวนฯ สรุปดำเนินคดีฮั้ว “รมว.ยุติธรรม” โยนถาม “กกต.” ปมสรุปสำนวนแจ้งข้อหา สว. เผย “ดีเอสไอ” เดินหน้าเต็มสูบ มั่นใจพยานหลักฐาน สอบหมด “ฟอกเงิน-อั้งยี่” ย้ำสาวถึงใครฟันไม่เลี้ยง แย้มมีคนเกี่ยวข้องต่อคิวเป็นพยานเพียบ พร้อมตอก “สว.ศักดิ์สูง” หยันดีเอสไอต่ำกว่าตน “ทวี” ชี้มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันหมด มีคุณค่ามีศักดิ์ศรี ย้ำอำนวยความยุติธรรมใช้อคติไม่ได้ “อิทธิพร” ปัดลือหึ่ง! ชี้สอบฮั้ว กกต.ยังอยู่ระหว่างไต่สวน
จากกรณีที่ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อนุมัติให้ทำการสอบสวนกรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เป็นคดีพิเศษที่ 24/2568 และใช้ประกอบการไต่สวนของ กกต. รวมเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ภายหลังรับเป็นคดีพิเศษ มีการสอบปากคำพยานทั่วประเทศ สอบปากคำพยานกลุ่ม สว.สำรอง ตรวจสอบข้อมูลทางธุรกรรมธนาคารของบุคคลในขบวนการ ข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์ รวมทั้งรับโอนสำนวนการสอบสวนจาก สภ.รัตนาธิเบศร์ และ สภ.โกสุมพิสัย ตามที่มีผู้กล่าวหาในความผิดฐานอั้งยี่ มาสอบสวนรวมสำนวนในคดีพิเศษดังกล่าวนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด ภายหลังจากที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน และมีกรรมการสืบสวนและไต่สวนที่มาจาก กกต. และดีเอสไอ รวม 7 ราย ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการเลือก สว.ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.67 กระทั่งวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน การสอบสวนปากคำพยาน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวของกลุ่มคณะบุคคล, การตรวจสอบเส้นทางการเงินที่สะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ตั้งแต่การเลือก สว. ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ, การกาคะแนน การนับผลคะแนนที่มีการเลือกหมายเลขเดียวกัน ซ้ำๆ กันหลายชุด เป็นต้น
เมื่อได้นำข้อมูลไปวิเคราะห์แล้ว พบการกระทำที่เข้าข่ายมีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นไปด้วยสุจริตหรือเที่ยงธรรม พบการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 จึงส่งหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกอบการพิจารณาตามกฏหมายเลือกตั้ง อาทิ การพิจารณาเพิกถอนสิทธิ สว.นั้น ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า ทางกลุ่ม 138 สว. พูดกันว่ามีการเคลียร์กันแล้ว ข้างบนเคลียร์กันแล้ว หลังรู้ตัวว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะถูกเจ้าหน้าที่ กกต. เรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561
อย่างไรก็ตาม การสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ได้ดำเนินการเก็บพยานหลักฐานสำคัญเข้มข้นมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นการตรวจสอบเชิงลึกอย่างละเอียดรอบคอบ ตามพฤติการณ์ที่ปรากฏจากคำให้การของพยานและหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.68) กกต.จะมีการทยอยเรียกแจ้งข้อกล่าวหา สว. ล็อตแรกจำนวน 60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็น สว.คนดัง ตามความผิดกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ทั้งนี้ บุคคลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ล้วนมีพฤติการณ์และพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิด ไม่ได้ถูกเลือกเป็น สว.โดยสุจริตเที่ยงธรรม หรือได้รับเลือกมาโดยการฮั้ว
ซึ่งหลังจากนี้ กตต.จะเรียกเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ฉะนั้นหากเรียกมาแล้วไม่มา ก็ถือว่าประสงค์ไม่ให้การชี้แจง แต่จะไม่ถึงขั้นขอศาลออกหมายจับ แต่ กกต.จะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาเรื่องการทุจริตเพื่อให้ใบแดง และส่งเรื่องเพิกถอนสิทธิของ สว. ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่อไป
ส่วนกรณีที่ “ดีเอสไอ” ดำเนินการเรื่องความผิดคดีอาญา ฐานฟอกเงินและอั้งยี่นั้น สำนวนนี้ทางดีเอสไอ คือหัวเรือหลักในการสอบสวนบุคคลที่ร่วมกระทำทุจริต รับเงิน เป็นกลุ่มโหวตเตอร์ หรือจัดฮั้ว ซึ่งเบื้องต้นมีจำนวนหลายร้อยคน ดังนั้นเมื่อสอบสวนเสร็จสิ้น ดีเอสไอต้องสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่ออัยการส่งศาลอาญารัชดาภิเษก ซึ่งฐานความผิดอาญานี้ ผู้ถูกกล่าวหาสามารถสู้ได้ถึง 3 ศาล คือ ศาลชั้นต้น อุทธรณ์ และศาลฎีกา
‘ทวี’ ยัน ‘ดีเอสไอ’ ยึดหลักฐาน-พยาน แจ้งข้อหา สว. ย้ำสาวถึงใครฟันไม่เลี้ยง
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณี กกต.เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา สว.ล็อตแรก 60 คน ว่า เราต้องแยกส่วนกัน คณะทำงานของ กกต. ที่มี 7 คน จะมีพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปร่วม 3 คน ซึ่งมีกรอบเวลาทำงานที่ต้องส่งเรื่องต่อไปยัง กกต.ชุดใหญ่ อาจนำพยานหลักฐานจากดีเอสไอบางส่วนไป ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียด รู้เพียงว่าหลักฐานต่างๆ จะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล และ กกต. เป็นองค์กรอิสระ ที่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง รายละเอียดคงต้องถามเขา
แต่ในส่วนของดีเอสไอ เรามี 2 คดีคือคดีฟอกเงิน และคดีอั้งยี่ ทั้ง 2 คดีจะมีพนักงานสอบสวนที่ไปร่วมกับ กกต.อยู่ด้วย และยังได้ทำหนังสือขอให้ กกต.มาเป็นที่ปรึกษาด้วย ซึ่งหลักฐานในส่วนของเรานั้นจะเป็นเอกสาร ภาพถ่าย เสียง สถานที่อยู่ ซึ่งมี 10 กว่ารายการ หากรายการหนึ่งเป็นเรื่องบังเอิญได้ รายการที่สองจะไม่บังเอิญแล้ว รายการที่สามจะเป็นพฤติกรรม ถ้ามีสี่ ห้า หก เจ็ด ก็เชื่อว่ามีการกระทำตามที่กล่าวหา
เมื่อถามว่า 2 คดีของดีเอสไอจะสรุปได้ในช่วงใด และจะสาวไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หลังจาก กกต.ไม่นาน หากพยานไปถึงใครเอาหมด
ถามถึงกรณีนายอลงกต วรกี สว. ออกมาระบุว่า สว.อยู่สูงกว่าดีเอสไอ มองอย่างไร รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า “มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันหมด มีคุณค่ามีศักดิ์ศรี และเรื่องการอำนวยความยุติธรรมจะใช้อคติไม่ได้ เราใช้พยานหลักฐาน”
ส่วนที่ สว.พูดมาจะบั่นทอนจิตใจหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนเรารับฟัง บางทีท่านอาจมีข้อมูล เราเปิดโอกาส แม้แต่ สว.ที่คิดว่าตัวเองไม่ผิด ก็มาเป็นพยานได้ เราพบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเป็นพยานเยอะในส่วนของดีเอสไอ และยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของพยาน ตอนนี้เริ่มมีการคุ้มครองพยาน และ สว.บางคน เมื่อได้ตำแหน่งก็ตรวจสอบไปว่ามีใครมาเป็นผู้ช่วย มาเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้วได้รับประโยชน์เป็นเงินของรัฐบาล ก็ต้องไปตรวจสอบ
เมื่อถามว่าพยานที่ว่ามี สว.หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องไปถามพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้ นอกจากการหาข้อมูลที่ จ.อำนาจเจริญ แล้วยังมีจังหวัดอื่นๆ อีกหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ทุกจังหวัด และที่อำนาจเจริญไม่ได้มีการขัดขวาง หากไปดูการให้การใน 10 กว่าปาก มีการพูดถึงผู้บงการอยู่
ถามว่ามีความขัดแย้งกับกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ และได้พูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย บ้างหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า มีการพูดคุยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้ทักทายกัน และตนไม่ได้มีความขัดแย้งกับกระทรวงมหาดไทย อีกทั้งในกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษบางมาตรา ที่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการประสานงานกับผู้ว่าฯ และตำรวจ ซึ่งผู้ว่าฯ เป็นพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจที่มีหน้าที่สืบสวน หากดีเอสไอแจ้งไปท่านคงไม่ขัดขวาง ซึ่งในส่วนของผู้ว่าฯ ไม่ทราบว่าอธิบดีดีเอสไอแจ้งไปหรือไม่ และหากเข้าไปขอหลักฐาน ถ้าใครไม่ให้หลักฐาน ในมาตรา 24 จะมีโทษอยู่
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนหากมีหน้าที่แล้วไม่ทำ โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตจะมีความผิดตามกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญรวมถึงกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการขัดขวาง