Home Feature ‘แพทองธาร’ แจงชะลอแจกหมื่น ต้องใช้งบฯ 1.57 แสนล้านกอบกู้เศรษฐกิจ

‘แพทองธาร’ แจงชะลอแจกหมื่น ต้องใช้งบฯ 1.57 แสนล้านกอบกู้เศรษฐกิจ

by admin

นายกฯ ลั่นต้องใช้เงินในเรื่องที่จำเป็นก่อน แจง “ชะลอ” แจกเงินหมื่น “ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3” เหตุมีปัจจัยภาษีทรัมป์แทรก ย้ำหากสถานการณ์ดีขึ้นพร้อมเดินหน้าต่อ “แพทองธาร” รับต้องใช้งบประมาณ 1.57 แสนล้านกอบกู้เศรษฐกิจ พร้อมดันลงทุนโครงสร้างทั้งประเทศ ปัดตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ! ชี้เป็นงบระยะสั้นใช้หมดก่อนสิ้น ก.ย.นี้ หวังใช้สร้างประโยชน์ประชาชน แย้มมีแผนรองรับแน่น ทั้งระยะกลาง-ระยะยาว

ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมมีมติ “เห็นชอบ” การชะลอโครงการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ตมูลค่าโครงการ 1.57 แสนล้านบาท เพื่อนำงบประมาณดังกล่าวใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะทำให้ประชาชนในประเทศได้รับผลประโยชน์โดยรวม

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การทบทวนโครงการดังกล่าวได้รับข้อเสนอจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก และเมื่อผ่านการรับฟัง จึงจำเป็นต้องปรับนโยบายเศรษฐกิจที่มีความจำเป็นและเร่งด่วน เพื่อสร้างรากฐานการเติบโตระยะยาวและพัฒนาเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น

“จะมีการปรับแผน และเปลี่ยนเงินก้อนนี้มาลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และทุนมนุษย์ที่เป็นการลงทุนรยะยาว” นายกฯ กล่าว

ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เป้าหมายคือการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมด รอบแรกกับรอบ 2 กระตุ้นไปแล้วสำหรับกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ แต่เมื่อมีสถานการณ์กำแพงภาษีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายประเทศไม่ต้องการเผชิญ จึงต้องทบทวนว่าการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจในเรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนมากกว่า

อย่างไรก็ตาม นายกฯ ระบุสาเหตุที่ต้องใช้คำว่า “ชะลอ” กับโครงการดังกล่าว เป็นเพราะหากสถานการณ์ดีขึ้น โครงการแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ตอาจจะกลับมาพิจารณาดำเนินการต่อ 

เมื่อถามว่า ประเด็นนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยไม่สามารถส่งมอบนโยบายตามที่หาเสียงไว้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า พรรคเพื่อไทยเวลาหาเสียง มีการประเมินสถานการณ์ว่าสามารถทำได้จริง แต่ ณ เวลานั้นไม่มีการพูดถึงเรื่องกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายประเทศไม่คาดคิด รวมถึงประเทศไทย

“ถามว่าทำไม่ได้จริงหรือไม่ ไม่จริงนะคะ เราทำได้จริงไปแล้ว ไม่ใช่ว่านโยบายนี้ทำไม่ได้เลย แต่สถานการณ์ที่แทรกเข้ามาเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่ว่าทำๆ อยู่แล้วจะยกเลิก ที่ผ่านมา 2 ครั้งก็ผ่านได้ แต่ครั้งนี้มีเหตุการณ์ภาษีเข้ามา โครงการจึงผ่านไม่ได้ ข้อเท็จจริงมีแค่นี้” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า มีการมองว่าการนำเงินไปแก้ปัญหาภาษีสหรัฐอย่างไร จะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เงินก้อนนี้ 1.57 แสนล้านบาท เป็นงบฯ กลาง ของปีงบประมาณ 2568 ต้องใช้ให้หมดก่อนสิ้นเดือนกันยายน ไม่ได้ผูกอยู่ในเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐ ดังนั้นต้องวางแผนว่า ระยะสั้นนี้ที่จะใช้เงินก้อนนี้ได้เลย สร้างประโยชน์อะไรกับประชาชนบ้าง และหลังจาก 30 กันยายน มีนโยบายระยะกลาง ระยะยาว รองรับต่อ เพื่อไม่ให้เงินก้อนนี้ใช้แล้วหายไปต่อหน้า มันใช้เพื่อการลงทุนในก้อนแรก เพื่อต่อยอดระยะกลาง และระยะยาวต่อไป เป็นสิ่งที่ต้องทำ”

“เงินที่เราจะลงทุนเป็นโครงสร้างของทั้งประเทศ อาจจะไม่ได้ลงไปถึงรายบุคคล แต่เป็นภาพรวมที่ทั้งประเทศจะได้ประโยชน์ร่วมกัน เพราะเมื่อก่อนสถานการณ์แทรกเข้ามา ทำให้เราต้องชะลอเรื่องดิจิทัลวอลเลตให้คนบางกลุ่มก่อน เป็นสิ่งที่เรียงลำดับความสำคัญ เราต้องทบทวนว่าเงินก้อนนี้สำคัญ ต้องทำอะไรก่อนเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจไว้” นายกฯ กล่าว

Related Articles