คอลัมน์ “คมข่าว” สุดสัปดาห์นี้ วิเคราะห์ผลการเลือกตั้ง 200 สว. ที่ได้ “สภาสูงเขากระโดง” ส้ม-แดงทะเลาะกันเพลิน ตาอยู่ “รถด่วนสีน้ำเงิน” ซิ่งเข้าวินขึ้นแท่น ก่อนที่จะลงลึกถึงสภาสูง ขอโฉบไปยังสนามรบการเมืองท้องถิ่น ศึกชิงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.) พรรคเพื่อไทยเล่นใหญ่ขนตระกูลชินวัตร และทีมงานเพื่อไทยลุยหาเสียง โดย นช.ทักษิณ ชินวัตร ควง “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปลุกเร้า “เสื้อแดง” เทคะแนนให้ “ชาญ พวงเพชร์” ระหว่างร่วมงานบวชลูกชายของนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ประกาศท่าทีทางการเมืองชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยสนับสนุน“ชาญ พวงเพชร์” เท่ากับว่า เป็นการประกาศสงครามแหกหักกับ “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตนายก อบจ.ปทุมธานี ที่วันนี้ลงสมัครในนามอิสระ เจ้าของวลี “มีวันนี้…เพราะพี่ให้” 30 มิ.ย.67 จะเป็นอีกวันหนึ่งที่วัดบารมี “นายใหญ่” จะสามารถฆ่าน้องรักอย่างบิ๊กแจ๊ส ข้าเก่าเต่าเลี้ยง ได้หรือไม่??? แต่ที่แน่ๆ บิ๊กแจ๊สส่งทีมงานฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวหาว่าคู่แข่งทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจัดงานเลี้ยงรื่นเริงหาเสียงในงานบวชที่นายใหญ่ไปร่วมไฮปาร์ค โทษหนักเพื่อไทยถึงขั้นถูกยุบทิ้งได้ง่ายๆ การผลักมิตรให้เป็นศัตรูครั้งนี้ “นายใหญ่” อาจต้องกลับมาทบทวนบทบาทของตัวเองว่าวันนี้ยังมีดีพอที่จะนำพาพรรคเพื่อไทยกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกหรือไม่? …★★… “เดินดงคมข่าว” ตรวจสอบกระดานการเมืองหลังจากเห็นรายชื่อ 200 สว. ต้องบอกว่าเกมพลิกสะเทือนไปถึงบ้านจันทร์ส่องหล้ามีดีพอที่จะสกัดพรรคก้าวไกลหรือไม่ เรียกว่าเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ก็ว่าได้สำหรับการสอบตกของ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ น้องเขยทักษิณที่มีการวิเคราะห์ว่า จะถูกวางตัวเป็นประธานวุฒิสภา แต่กลับสอบตกอย่างเหลือเชื่อ สู้พ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ และแม่ค้าขายเนื้อหมูสามชั้นราคาถูก จาก จ.อำนาจเจริญที่พลิกชีวิตเป็น สว.ได้อย่างสง่างามยังไม่ได้เลย …★★…
★★… “เดินดงคมข่าว” ตรวจสอบรายชื่อ 200 สว.พบว่าเป็น “สภาสูงสีน้ำเงิน” หรือบ้างก็ให้ฉายาว่า “สภาสูงเข้ากระโดง” เพราะล้วนแต่เป็นคนมักคุ้นเครือข่ายของพรรคภูมิใจไทยทั้งสิ้น โฟกัสอีสานใต้ “บุรีรัมย์” ดินแดนของผู้นำจิตวิญญาณภูมิใจไทย “เนวิน ชิดชอบ” คว้าที่นั่ง สว.บุรีรัมย์ถล่มทลายมีจำนวนมากถึง 14 สว. มองข้ามช็อตเก้าอี้ประธานสภาสูงก็คงตกอยู่ในมือของภูมิใจไทย “บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ประธานคณะที่ปรึกษา “มท.1” เพื่อนเลิฟ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ไล่เรียงทั้งกระดานแล้ว 200 สว.ที่สอบผ่านเข้าสภาสูงอยู่ขบวนรถสายสีน้ำเงินมากถึง 61% น่าสนใจอีก 5 ปีนับจากนี้ “เกมแห่งอำนาจ” จะเปลี่ยนขั้วไปอย่างไม่ต้องสงสัย “ภูมิใจไทย” เดินที่เรื่อยๆ มาเรียงๆ ก็ย่อมมีแนวโน้มที่จะปีนป่ายสู่ยอดเขาแห่งความตายสำเร็จ ไม่เป็นสองรองใครภายใต้การบริหารจัดการที่แหลมคมของอาจารย์ใหญ่เนวิน ชิดชอบ เจ้าของวลี “มันจบแล้วครับนาย…ผมจะไม่ทำอย่างเก่าแล้วครับนาย” แต่จะทำให้มากกว่าเก่าหรือไม่ คงต้องติดตามชมกันต่อไป …★★… หลังกองทัพข่าวโหมกระพือสภาสูงสีน้ำเงิน “เดินดงคมข่าว” ได้ยิน “นายใหญ่” ให้สัมภาษณ์เมื่อถูกกระจิบข่าวยิงคำถามอดีตนายกฯ สมชาย ที่ถูกวางตัวเป็นประธานวุฒิฯ สอบตกพ่ายยับสะท้อนให้เห็นว่าทักษิณสิ้นมนต์ขลัง!!! ทักษิณกลับตอบว่าไม่เกี่ยวเลยเรื่อง สว. ซ้ำย้อนว่า นี่คือผลพวงรัฐประหารที่ไม่เคารพเสียงประชาชนสร้างกลไกกฎระเบียบบิดเบี้ยวจนได้ สว.อย่างนี้ อ้างอย่างนี้มันขี้แพ้ชวนตีนี่ครับ แพ้ไม่เป็นเลยหรือไง นช.ทักษิณ คนเรามันก็มีขึ้นมีลง ไอ้ที่พูดว่าเป็นแค่คนแก่ธรรมดาอายุ 75 ปีแล้ว ไม่มีมนต์ขลัง ก็ขอให้คิดทำอย่างที่พูดอย่าหลงในอวิชชาจนลืมกฎแห่งกรรมธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ว่ามีลาภเสื่อมลาภ มียศถูกถอดยศ!!! เอ้ยไม่ใช่ซิ มียศเสื่อมยศ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตั้งสติดีๆ ครับนายใหญ่ ไม่ใช่เหมาเข่งพาลไปทุกคนโทษคนในป่า ผลักมิตรเป็นศัตรู ถ้าสภาสีน้ำเงิน ไม่ใช่สภาแดง ก็ต้องยอมรับว่าทักษิณเป็นผู้เฒ่าที่สิ้นมนต์ขลังอย่างที่นักข่าวตั้งคำถาม “เดินดงคมข่าว” เห็นว่าคนเราอายุไม่ถึงร้อยปี นับถอยหลังรอวันตาย หากมีเงินแสนล้านที่กอบโกยจากแผ่นดินแม่ และแสวงกำไรจากดาวเทียมบนอวกาศจนร่ำรวยยังประโยชน์อะไรให้กับสังคม เหมือนอย่าง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่เน้นย้ำดำรงตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แม้ท่านลาลับจากโลกใบนี้ไปแล้ว ก็ยังห่วงหาคนยากไร้ บริจาคเงินหลายร้อยล้านบาทของท่านให้กับสังคมคนไทย แต่ดูเหมือนทักษิณจะไม่ปลื้มป๋าเปรมเอาเสียเลย เพราะช่วงที่ตัดสินใจหนีอาญาแผ่นดินไปต่างแดน ก็ส่งคนใกล้ชิดไปร้องขอความช่วยเหลือที่บ้านสี่เสาฯ แต่ได้รับการปฏิเสธ เพราะมีปัญหาคดีทุจริตหรือไม่อย่างไร …★★…
★★… ปิดท้ายที่ระเบิดเวลากฎหมายขายชาติ!!! เมื่อนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มีดำริมอบหมายให้ “เสี่ยหนู” สั่งการกรมที่ดินไปแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ชาวต่างชาติถือครองอาคารชุดคอนโดฯ จากเดิมในอัตราส่วนต่างด้าวร้อยละ 49% เป็น 75% และให้ขยายเวลาต่างชาติสามารถเช่าที่ดินได้นานถึง 99 ปี “เดินดงคมข่าว” เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเกิดเคยขึ้นมาแล้วสมัยที่ “ทักษิณ ชินวัตร” นั่งเก้าอี้นายกฯ รัฐบาลไทยรักไทย ได้อ้างถึงภาวะเศรษฐกิจหลังฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศ นั่นจึงเป็นที่มาของการเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติถือครองคอนโดมีเนียมได้ 100% ในบางพื้นที่ เช่น ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น ซึ่งนโยบายที่ว่านี้มีระยะเวลาไฟเขียวให้ต่างชาติ 5 ปี (ระหว่างปี 2543-2547) ดังนั้นการรีเทิร์นจากกล่องความคิด “นายใหญ่” ถึงเศรษฐา จึงเป็นวาระเร่งด่วนยิ่ง จนถูกสังคมมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน แน่นอนย่อมรวมถึงธุรกิจวงวานของนายกฯ (แสนสิริ) และ SC Asset จะได้รับอานิสงส์จากนโยบายแก้ไขกฎหมายถือครองที่ดินนี้หรือไม่??? …★★… ถึงตรงนี้ก็อดคิดถึง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ไม่ได้ เพราะลุงตู่เคยพูดอย่างบ่อยครั้งว่า …ประเทศไทยไม่ใช่บริษัทของครอบครัวตระกูลหนึ่งตระกูลใด แต่เป็นของคนไทยทั้งชาติ จะทำอะไรมันต้องฟังเสียงประชาชน ปกป้องรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ค้าขายต่างตอบแทน หรือขายชาติ สวัสดีครับ.
“เดินดงคมข่าว”