Home FeatureSpotlight คมข่าว 20/7/67

คมข่าว 20/7/67

by admin

“เดินดงคมข่าว” ตีแสกหน้า “ผู้นำเลว” ย่อมนำพาบ้านเมืองสู่ความขัดแย้งไร้ความสงบสุข ประเด็นใหญ่ต้องโฟกัสไปที่การผลักดันกฎหมาย “การนิรโทษกรรม” ที่พ่วงการกระทำผิดอาญาตามมาตรา 112 แน่นอนผู้ที่จะได้รับอานิสงส์หนึ่งในนั้นก็มีชื่อของ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” รวมอยู่ด้วย จึงไม่แปลกที่พรรคเพื่อไทยวันนี้จะเล่นแร่แปรธาตุเดินหน้าหนุนพวก มาตรา 112 อยู่ในกฎหมายนิรโทษกรรมครั้งนี้ไปด้วย “เดินดงคมข่าว” ขอเตือน นช.ทักษิณควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานอภัยโทษจาก 8 ปี เหลือเพียงแค่ 1 ปี แต่ นช.ทักษิณก็เล่นเล่ห์ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว “ป่วยทิพทย์” “ป่วยจริง” ประการใดสังคมยังเคลือบแคลงสงสัย เพราะยังเที่ยวเรียกคนนั้นคนนี้มาสั่งข้อราชการถึงชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ บาปเคราะห์กรรมชั่ว มิอาจล้างได้ ผู้กระทำดีชั่วย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ กฎแห่งกรรมนั้นเที่ยงแท้แน่นอนเสมอ ไม่มีสัตว์โลกใดหลีกลี้หนีได้ …★★… “เดินดงคมข่าว” เชื่อว่า สังคมคนไทยยังไม่ลืมความพยายามของพรรคเพื่อไทยที่ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย “ลักหลับ” ออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพวกจนนำไปสู่ความขัดแย้งครั้งประวัติศาสตร์ไทย คนที่ลี้ภัยอยู่ในต่างแดน “ทักษิณ ชินวัตร” เดินหน้าปลุกระดมคนเสื้อแดงเผาบ้านเมือง ซ้ำยังสำทับว่า “ผมอยู่ไม่มีความสุข…ก็อย่าหวังว่าใครจะอยู่มีความสุข” สิ่งเหล่านี้ได้นำผู้คนที่คลั่งไคล้ทักษิณติดคุก บาดเจ็บ ล้มตายเป็นจำนวนมาก วันนี้ทักษิณกลับมาอย่างเท่ๆ ติดคุกก็ไม่ต้องติด มีคดีอาญาหมิ่นสถาบันมาตรา 112 ก็อ้างว่า “ถูกใสร้ายยัดคดี” ทั้งที่ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนมาจากการกระทำของทักษิณเองทั้งสิ้น “ทักษิณ” แน่ใจแล้วหรือว่า จะจุดไฟสงครามกลางเมืองขึ้นอีกคำรบ??? …★★… สภาสูง 200 คน รายงานตัวพร้อมรับใช้ประชาชน กระนั้นก็ตาม ส.ว.โพยที่มีหลักฐานการลงคะแนนจัดตั้ง โดยเฉพาะหลักฐานที่บรรดาผู้สมัคร ส.ว.นำมาเปิดเผยต่อสาธารณะ พิจารณาอย่างไรก็เห็นชัดเจนว่า มีการดำเนินการที่เป็นขบวนการจัดตั้ง ทว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก.ก.ต.) ก็มิได้นำพาต่อข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้น เดินหน้ารับรองไปก่อนแล้วค่อยตามสอย ด้วยเหตุผลที่ว่ามีประเด็นร้องเรียนมากกว่า 800 เรื่อง …★★…

กรณี “พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย” หรือที่สังคมรู้จักดีในนาม “หมอเกศ” ส.ว.ป้ายแดง ที่กำลังถูกสังคมตรวจสอบว่าด้วยการกรอกโปรไฟล์ไม่ตรงปก ทั้งตำแหน่งทางวิชาการศาสตราจารย์ที่เสียเงินทองจำนวนมากจากมหาวิทยาลัยห้องแถวสหรัฐอเมริกา โดยที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไม่รับรองดีกรีมหาวิทยาลัยเถื่อน แม้จะเป็น สว.ที่มีคะแนนอันดับหนึ่ง แต่กลับมีทัวร์มาลงมิได้หยุดหย่อน ล่าสุดแพทยสภาตั้งสอบจริยธรรม! “หมอเกศ” ที่กรอกข้อมูลส่วนตัวในใบ สว.3 มีข้อความว่า “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม” ซึ่งสาขาที่ว่านี้ไม่มีการรับรองตามกฎหมาย พ.ร.บ.วิชาชีพ ซึ่งแพทยสภามีมติ “สอบจริยธรรมหมอเกศ” …★★… ส่วนปริญญาเอก ดร.เกศกมลนั้น ก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้แถลงการณ์ชี้ชัดว่า “หมอเกศ” เป็นนักศึกษาปริญญาเอกปี 2 เทอม 1 อยู่ระหว่างการศึกษา ยังไม่ได้จบปริญญาเอก งามไส้ ไฉน “หมอเกศ” จึงนำดีกรีการศึกษาในอนาคตมากรอกในประวัติเพื่อรับเลือกตั้ง สว. ซึ่งยังไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่าหมอเกศจะจบการศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้หรือไม่???? …★★…“หมอเกศ” ผู้มาก่อนการ ไม่รู้จักประมาณ ไม่รู้จักเวลา ไม่ได้ยืนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) แสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาเรื่องวุฒิการศึกษาปลอม คำนำหน้าปลอมในสังคมไทยนี้ เป็นมานาน ชอบไปหาซื้อปริญญาปลอม อุปโลกน์คำนำหน้าปลอมให้ตัวเอง เลยทำให้มหาวิทยาลัยห้องแถวในอเมริกา หลอกขายปริญญาคนมีเงินกันได้ ก็เพราะคนไทยหูตาแหก ชื่นชมคำว่าดอกเตอร์กันจนไม่ลืมหูลืมตา จริงๆ คุณภาพดอกเตอร์นั้นมันก็แตกต่างกันมากเหลือเกิน ที่จบปริญญาเอกจริงๆ ไม่ได้คุณภาพก็มีมาก ไม่อยากจะบรรยายให้ฟังครับ ค่านิยมปลอมๆ บ้าปริญญาทำให้ขายใบปริญญาปลอมได้ …★★… “เดินดงคมข่าว” ไม่แน่ใจว่าจะฝากความหวังไว้กับสภาสูงนี้ได้กี่มากน้อย เพราะ สว.ที่ได้คะแนนอันดับ 1 กลับเป็นคนที่ส่อไปในทางไม่สุจริต กระทำผิดกฎหมายทำไมถึงโฆษณาว่าเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หมอเกศรู้หรือไม่ และหากรู้ไฉนจึงฝ่าฝืนให้ผิดตามมาตรา 20 พ.ร.บ.วิชาชีพ เมื่อคุณภาพ สว.เป็นเช่นนี้ หลับตาคงเห็นคุณภาพของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่ สว.จะเป็นผู้พิจารณารับรอง บ้านเมืองนี้วังเวงจริงหนอ

…★★… ร้ายลึกเสียแล้ว นโยบายไม่ตรงปก “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ของผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ กลายเป็นระเบิดเวลาทำลายความศรัทธาต่อพรรคแกนนำรัฐบาลไปเสียแล้ว เพราะเป็นนโยบายสิ้นคิด แม้ผู้กองคนเก่งจะออกตัวว่า ตนเองร่ำรวยแล้วไม่คิดหาเศษหาเลย ปัญหามีไว้แก้ “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ต้องการยกระดับคุณภาพในการผลิตข้าวชาวนา แต่ปัญหาอยู่ที่ชาวนาไม่มีเงินก้อนไปร่วมโครงการ ก็ต้องหาทางแก้ไขไป ไม่ใช่มาด่ากัน…ถึงตรงนี้ชาวนามีคำถามว่า แล้วที่นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน แถลงว่าจากนี้จะไม่มีนโยบายให้เงินค่าเก็บเกี่ยวผลผลิตไร่ละ 1 พันมันคืออะไร แล้วไฉนคนเป็นเสนาบดีจึงไม่หัดคิดให้รอบด้านก่อนที่จะออกนโยบายเป็ดพิการ ให้สังคมชาวนารุมด่ากันเล่า ปิดท้ายที่การหักคอพรรคภูมิใจไทยนำ “กัญชา” กลับสู่บัญชียาเสพติดก็คงต้องฟันธงไปเลยว่า อย่างนี้คงอยู่ร่วมรัฐบาลกันยากเสียแล้ว

“เดินดงคมข่าว”

Related Articles

Leave a Comment