Home FeatureSpotlight คมข่าว 31/7/67

คมข่าว 31/7/67

by admin

“ธรรมชาติ…ย่อมสูญสลายด้วยตัวมันเอง! แต่หากบุรุษใดกระทำการอันฝืนธรรมชาติ ก็อาจต้องสูญสลายอย่างไม่เป็นธรรมชาติ?” นายสัปดาป…รายงานตัว ณ สถานี ข่าว ACN Hot News ในห้วงสัปดาห์สุดท้ายเดือนกรกฎาคม 2567 ก่อนเข้าสู่ เดือนแห่งสายฝน…ท่ามกลางอุณหภูมิการเมืองที่ร้อนระอุเยี่ยงนี้!…★★…กับผลสำรวจ นิด้าโพล เมื่อวันก่อน “ผู้มีบารมีนอกพรรค” นาทีนี้…คนไทยเชื่อสนิทใจ? ยกให้ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็น…ผู้มีบารมีนอกพรรค (เพื่อไทย) เหนือกว่า “เนวิน ชิดชอบ” (ภูมิใจไทย) และ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” (ก้าวไกล) ตรงนี้…พอเข้าใจได้! ระดับ “นายใหญ่” ที่ทุ่มเททุกสรรพกำลัง และดูเหมือนจะ “ครอบงำ” ยกพรรคฯ ได้มากซะขนาดนั้น หากคะแนนที่ได้…ไม่ทิ้งห่างคนอื่นๆ ก็ดูจะแปลกไปหน่อยไหม? แม้ “ครูใหญ่” แห่งสำนักเขากระโดง จะมีอิทธิพลทางความคิดเหนือทุกคนใน พรรคภูมิใจไทย แต่ก็ไม่ถึงกับ… “ครอบงำ” ในระดับ “ชี้นิ้วสั่งการ” บอกนกเป็นนก..บอกไม้เป็นไม้ เหมือนใครบางคน? ยิ่งเป็น “หัวหน้าเอกฯ” ด้วยแล้ว อิทธิพลเหนือคนใน พรรคก้าวไกล ถือว่า…มีต่ำกว่าแรงศรัทธาที่สมาชิกมีต่อตัวเขาอย่างที่สุด!…★★…ไม่แปลกใจ เหตุใด? “ผู้มีบารมีนอกพรรค” ของพรรคเพื่อไทย ยังคงฝันใหญ่…คิดจะนำพาพรรคการเมืองแห่งนี้ “ขึ้นแท่น – เบอร์ 1” เหมือนเช่นในอดีต โดยไม่มองปัจจุบันและอนาคต…ในท่ามกลางกระแสประชาชนยามนี้ ว่า…จะคิดอ่านเยี่ยงไร? เมื่อหันมอง…จุดยืนทางการเมือง นโยบายและผลงานด้านเศรษฐกิจ ตลอด 10 เดือนเศษ ก็ให้รู้สึกเหนื่อยใจแทนสุดๆ คนไทยยามนี้…คิดเป็นและคิดเองได้ ควรจะรักและเทใจให้กับพรรคการเมืองไหน? วันนี้…กับวลีเด็ด! “ศัตรูของศัตรูคือหมู่มิตร” กำลังไล่ล่าและตามหลอกหลอน “คนตระบัดสัตย์” ให้ต้องไร้ที่ยืน และ ชีวิตการเมืองในห้วงบั้นปลาย ก็อาจจบลงอย่างไม่สวย นี่คือ ผลพวงของการฝืนธรรมชาติการเมืองไทย นั่นแล…★★…นัดชี้ชะตา 7 สิงหาฯ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย คดียุบพรรคก้าวไกล ถัดมาอีกหนึ่งสัปดาห์ 14 สิงหาฯ นัดอีก…ฟังคำวินิจฉัยคดีสอย “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะออกหน้าไหน? ยุบไม่ยุบพรรคก้าวไกล! “นายกฯ เศรษฐา” จะอยู่จะไป! ย่อมมีผลต่อฉากทัศน์การเมืองไทยหลังจากนี้ สำหรับ คดียุบพรรคก้าวไกล นาทีนี้…คนส่วนใหญ่ เชื่อเกิน 99% ยุบแน่! ทว่า นายสันดาป ขอเผื่อช่องปาฏิหาริย์ไว้ 1% กันเหนียว? แต่ถึง ศาลรัฐธรรมนูญ จะสั่งยุบพรรคฯ มันแค่ “ตัดตอน” องค์กรทางการเมือง แต่มิอาจ “ตัดตอน” อุดมการณ์การเมืองของคนรุ่นใหม่ ที่นับวัน…จะสยายปีกครอบครัวในทุกสังคมไทยทุกกลุ่ม ถึงตอนนั้น…คนไทยจะได้เห็น ใคร? หรืออะไร? คือตัวปัญหาและอุปสรรคที่แท้จริงของการเมืองไทย…★★…

ถ้า ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่ง ยุบพรรคก้าวไกล แต่ปล่อยผ่าน คดีสอย “นายกฯ เศรษฐา” แล้ว สังคมโลก…จะมอง กระบวนการยุติธรรมไทย เป็นอย่างไร? คงไม่ต้องขยายความ เช่นกัน หาก “เศรษฐา ทวีสิน” มีอันกระเด็น…ตกจากเก้าอี้ตัวนั้น ใครกันจะสวม “ผู้นำคนใหม่” ถึงตอนนี้…คนคุม “เกมส์อำนาจ” ในเมืองไทย มองออกแล้วว่า…ใครกัน? เหมาะสมจะขึ้นมาทำหน้าที่นี้แทน…ยิ่งมีฐาน สว.ชุดใหม่ หนุนหลังด้วยแล้ว ชื่อของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” จึงอยู่ในความสนใจของ สื่อต่างชาติ ที่คอยจับจ้อง…มองเกมแห่งอำนาจในเมืองไทย มากที่สุด!…★★…จะ  “ฅ.ฅน” หรือ “ค.ควาย” หากคิดสร้างปัญหาให้บ้านเมืองแล้ว ผลลัพธ์มันคงไม่ต่างกัน นายสันดาป ขอยกคำพูดจากปาก…เนวิน ชิดชอบ “ครูใหญ่” แห่งสำนักเขากระโดง ที่ว่าไว้…“ฅนบุรีรัมย์ เป็นสัญลักษณ์ของคนเมืองนี้ และที่เราใช้คำว่า ฅ. (คน) เพราะเราเป็นคน หากเราใช้ ค. (ควาย) เราก็เป็นควาย และทำให้บ้านเมืองนั้นวุ่นวาย..” วลีนี้ หากจะสะท้อนนัยสำคัญทางการเมือง คงเสมือนเป็นการประกาศเชิงพฤตินัย “บุรีรัมย์และอีสานใต้” หาใช่เวทีที่จะให้ คนต่างถิ่น “ฉก” คะแนนเสียงกันได้ง่ายๆ ไม่ว่าใครคนนั้น จะเป็น…“นายน้อย” หรือ “นายใหญ่”…★★…ถึงบรรทัดนี้ เชื่อว่า…สงครามย่อยในพรรคร่วมรัฐบาล คงยากจะปฏิเสธได้แล้ว!!! จะ “แตกหัก” เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือเพราะ “แพแตก” จากผลงานอันเหลวแหลกในการบริหารประเทศก็ตามที ทว่า “การเปลี่ยนแปลงคือนิรันดร์” ล้วนเป็นสัจจธรรมความเป็นจริง! ที่ใครก็ปฏิเสธได้ไม่ง่ายๆ  และหากมองย้อนกลับไปเมื่อกว่า 30 ปีก่อน อดีตที่ทำให้ ณ วันนี้…เนวิน ชิดชอบ อาจไม่เต็มร้อยกับ สารวัตรเฉลิม อยู่บำรุง คนที่อนาคตอันใกล้…จะย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ใน “ป่ารอยต่อ” แต้เพราะวลีข้างต้น “ศัตรูของศัตรูคือหมู่มิตร” อาจพอทำให้ 2 คน…ประสานทำงานกันได้ เพราะต่างก็มี “เป้าหลัก – ศัตรูคนเดียวกัน” และแม้ว่า “ครูใหญ่” แห่งสำนักเขากระโดง อาจไม่ใช่ “เบอร์ 1” ในกลุ่ม “ผู้มีบารมีนอกพรรค” แต่กับกลุ่ม “ผู้มีบารมีนอกวุฒิสภา – องค์กรอิสระ” แล้ว ถือว่า…เป็น “เบอร์ต้นๆ” ถึงขั้นพูดได้เต็มปากว่า…มีเขายืนหนึ่งเป็น “หนึ่งเดียว” ก็คงไม่แปลกอะไรนัก!!!…★★…หันดู “มติ ครม.” วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 หลายเรื่องเกี่ยวพันกับ “มิติเศรษฐกิจ” ไม่ว่าจะเป็น…แผนการปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) หรือ การใช้มาตรการภาษี ดึงเอา “คนเก่งไทย” ที่ทำงานในต่างแดน กลับมาสร้างประโยชน์ให้กับ “มาตุภูมิ” ตรงนี้…มันอดคิดไม่ได้เหมือนกัน? หรือว่าเหตุที่ “ครม.เศรษฐา” จำต้องรีบชงเรื่องเข้า ครม. ประหนึ่งว่า…เวลาและโอกาสข้างหน้า…จะเหลือน้อยเต็มที! แต่กับ…โครงการดิจิทัล วอลเล็ต แล้ว “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” กลับบอกกับนักข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า…ไม่จำเป็นยื่นมาอีก เพราะเรื่องนี้…เคยนำไปพิจารณาใน ครม. แล้วก่อนหน้านี้? พูดถึง ดิจิทัล วอลเล็ต ลองฟัง “อดีต รมว.คลัง” ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ออกมาเตือนสติ “รัฐบาลเศรษฐา” ก็น่าคิดเหมือนกัน เหตุเพราะ ความผิดพลาด อาจนำมาซึ่งความเสียหายอันใหญ่หลวง ลำพัง…“ครม.เศรษฐา” ทั้งคณะ…จะต้องชดใช้ค่าความเสียหาย 4.5 แสนล้านบาท ในภายหลัง มันคงไม่เท่ากับความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและความรู้สึกของคนไทยเป็นแน่!!!…★★…

หันมาดูที่เรื่อง กลโกง ทั้งใน โลกออฟไลน์และออนไลน์ ล่าสุด “กลุ่ม 4 ป.” ประกอบด้วย…ผบก.ปปป. (สังกัด บช.ก.), ป.ป.ช., ป.ป.ง., และ ป.ป.ท. ได้ผนึกความร่วมมือกับ สตง. (สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) ยุคของ “ผู้ว่าการฯ มณเฑียร เจริญผล” ว่ากันว่า…สตง. คือ หน่วยงานปราบโกงที่มีข้อมูล “จัดซื้อจัดจ้าง” ของหน่วยงานรัฐ มากและลึกที่สุด! คนกลุ่มนี้ เชื่อว่า…การได้ สตง.มาเป็น พันธมิตร…จะช่วยลดทอนปัญหาทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ที่เคยเป็นเรื่องยากของ “กลุ่ม 4 ป.” แต่เมื่อวันนี้ จะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กลุ่ม 4 ป. + 1 ส.” ก็ไม่แปลกหาก แกนนำกลุ่มนี้ จะพูดตรงกันในทำนอง…ขอประกาศสงครามกวาดล้างเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตงบประมาณแผ่นดิน ถึงขั้นที่ว่า…ใครคิดโกง ณ นาทีนี้ คงต้องเจอกับฝันร้ายแน่! ขอให้เป็นจริงเหอะ! พับผ่า!!!…★★…ไอ้ที่ดีใจ ก็ดีใจกันไป แต่ที่ยังทุกข์ใจ…ก็พอมีให้เห็น! รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ” ออกมาให้ข้อมูลสถิติที่น่าสนใจ…ย้อนหลังไปเมื่อกว่า 2 ปี นับแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 30 มิถุนายน 2567 โดยเฉพาะ…เคสท์ที่พบ การแจ้งความผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ มีมากถึงกว่า 5.75 แสนเรื่อง คิดมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 6.57 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยความเสียหายสูงถึงวันละกว่า 80 ล้านบาท แต่ที่น่าสนใจ ก็คือ “เหยื่อโกงออนไลน์” ส่วนใหญ่เป็น สุภาพสตรี มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 64 แถมในกลุ่มนี้ ดันเป็น “กลุ่มคนวัยทำงาน” อายุเฉลี่ย 30 – 44 ปี เสียอีก! จากข้อมูลของ สตช. ชี้ว่า…สตรีวัยทำงาน ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ในระดับค่อนข้างสูง แต่ยังตกเป็น “เหยื่อโกงออนไลน์” ได้สูงถึงร้อยละ 41.51 ประเด็นนี้…ในมุมของ นายสันดาป เชื่อว่า…คงเป็นเพราะ จำนวนประชากรสตรีมีมากกว่าชายไทย อีกทั้ง สตรี…ยังเป็นเพศที่ชอบ “ไถโลกออนไลน์” หาซื้อสินค้าได้หลากหลายและมากมาย เมื่อมีตำแหน่งหน้าที่การงานมั่นคงและมีรายได้เยอะ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาส…ตกเป็น “เหยื่อโกงออนไลน์” ได้ง่ายขึ้น!!! …★★…ประเด็นคือ กลโกงออนไลน์ ที่ส่วนใหญ่มาจากนอกประเทศ? และ ประเทศข้างบ้านของไทย คือ “ตัวการสำคัญ” เป็นแหล่งส่องสุมของบรรดาคนโกงกลุ่มนี้ ดังนั้น การที่ “นายกฯเศรษฐา” ได้หารือร่วมกับ “นายกฯกัมพูชา – ฮุน มาเน็ต” แต่ยังไม่ทันจะ “ปิดดีล” ในเรื่องความร่วมมือ “ขจัด” แก๊งโกงออนไลน์ในดินแดนกัมพูชา ก็มีเหตุให้ต้องได้ “ลุ้นเสียว!” ว่า…จะอยู่หรือจะไป? ดั้งนั้น ไม่ว่า “ผู้นำไทย” จะอยู่หรือจะไป…หากอยู่ก็ต้องเดินงานต่อ แต่หากต้องจากไป “ผู้นำคนใหม่” ก็ต้องสานต่อเรื่องนี้ และเรื่องจะไม่จบแค่ใน กัมพูชา เพราะยังมี…เมียนมา และ สปป.ลาว ที่ต่างก็เป็นที่ตั้งของ “แก๊งโกงออนไลน์” ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นพวก “จีนเทายันดำ” แทบทั้งสิ้น! เอาเป็นว่า…สัปดาห์นี้ พอเท่านี้ มาว่ากันใหม่…ในสัปดาห์ต่อไปก็แล้วกัน แล้วพบกัน!!!.

นายสันดาป

Related Articles

Leave a Comment