“เศรษฐา” ส่งสัญญาณ! หลังมีชื่อรัฐมนตรีถูกปรับ ลั่นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน บอกไม่ต้องวิ่งเต้นให้เสียเวลา ลั่นปรับเมื่อไหร่รู้เอง เผยพรรคร่วมยังไม่ส่งสัญญาณ ไม่คอนเฟิร์มนั่งควบกลาโหม
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ว่า มาตามประเพณีไทย มาสวัสดีปีใหม่และรดน้ำอวยพร และเอาพวงมาลัยมาไหว้ และกราบท่านครับ ซึ่งนายทักษิณได้อวยพรให้สุขภาพแข็งแรง และเป็นกำลังใจในการบริหารบ้านเมือง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) “เศรษฐา 2” นายกฯ กล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่มี สื่อไปพูดกันเอง แต่อย่างไรก็ต้องปรับในวันหนึ่ง และถ้าเผื่อจะปรับก็จะทราบกันเอง ไม่อยากให้รัฐมนตรีที่มีรายชื่อออกมาขณะนี้หวั่นไหว ผมคิดว่าควรเร่งทำงานกันดีกว่า เพราะทุกๆ วันมีค่า แทนที่จะวิ่งเต้นวิ่งเซ่นมาหาท่านนั้นท่านนี้”
ทั้งนี้ ตนพูดมาโดยตลอดช่วงเวลา 1 เดือนที่มีข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี และขอบอกตรงๆ ว่าภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงานที่ถูกต้อง ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและของแต่ละกระทรวง ก็มีนโยบายเรือธงอยู่แล้ว ซึ่งทุกท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการส่งสัญญาณมาถึงนายกรัฐมนตรีหรือยัง โดยเฉพาะบางพรรคที่ต้องการปรับ ครม. นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้ว และเป็นสิทธิ์ของเขา แต่อยู่ดีๆ ตนคงไม่โทรไปถามว่าใครอยากปรับใครบ้าง อย่างเช่นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ยังมีเก้าอี้เหลือ 1 เก้าอี้ แต่ยังไม่มีการส่งสัญญาณอะไรมาถึงตน และยังไม่มีการพูดคุย
เมื่อถามว่า ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ทำไมมีกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะไปนั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบเลย แต่คงเป็นเรื่องที่ตนได้ไปเยี่ยมทหารและบ้านพักของข้าราชการทหาร รวมทั้งเรื่องที่ตนมีความสนิทสนมส่วนตัวกับ ผบ.ทบ. และ ผบ.สส. มีการยกหูพูดคุยกันได้ ซึ่งเป็นหน้าที่อยู่แล้วในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ได้ขอไปว่าอยากให้ท่านช่วยดูแลเรื่องชายแดน พื้นที่ทำกินของราษฎร ซึ่งก็ตอบสนองได้ดี แต่ตรงนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงหรือตำแหน่ง รมว.กลาโหม เพราะสถาบันทหารเองทุกคนก็มีความเป็นมืออาชีพ มีวินัย ถ้าเผื่อนายกรัฐมนตรีขออะไรไปและเป็นเรื่องที่เหมาะสม เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ก็เชื่อว่าทุกคนพร้อมจะทำให้อยู่แล้ว ตรงนี้ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดคุยหรือมโนภาพ ว่าจะต้องเป็นอะไรตรงนั้นตรงนี้ ดังนั้นถือเป็นหน้าที่อยู่แล้วในการที่จะพูดคุยกัน ไม่มีนัยอะไร