“เดินดงคมข่าว” จับชีพจร รัฐนาวาเศรษฐา ทวีสิน ล้มป่วยด้วย “โรคถุงขนมพิษ” 23 พ.ค.2567 หลังจากองค์คณะศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6:3 รับวินิจฉัยสถานะนายกรัฐมนตรี “ผิดจริยธรรมร้ายแรง” กรณีตั้งทนายถุงขนม “พิชิต ชื่นบาน” คู่บุญ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดยให้เวลานายกฯ เศรษฐา ชี้แจงข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน และตีตกคำร้องพิชิต เนื่องจากเจ้าตัวชิงลาออกจาก รมต.แล้ว แม้ศาลฯ จะมีมติเฉียดฉิว 5:4 ไม่พักการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ชั่วคราว เหมือนเช่นกรณีของลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกฟ้องว่าดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน 8 ปี ก็ตาม แต่ด้วยคะแนนเสียงเช่นนี้ย่อมส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ …★★… “เดินดงคมข่าว” ถอดรหัสแห่งคดีความวิเคราะห์ข้อกล่าวหาที่มีต่อผู้นำอย่างเศรษฐา จะตระเตรียมทีมทนายมาหักล้างผลแห่งการกระทำที่สำเร็จแล้วยากยิ่งนัก และออกจากเห็นใจนายกฯ ผู้นี้อยู่มิใช่น้อย เพราะเป็นที่ทราบดีทั่วไปว่า การก้าวสู่เก้าอี้นายกฯ ของเขานั้น มีใครเป็นแบ๊ค “เจ้าของพรรค” เขาจะสั่งให้ทำอะไร เลือกใคร ก็ต้องน้อมรับเชื่อฟังปราศจากข้อโต้แย้งอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดใดที่จะซิ่งรถประจำตำแหน่งไปปรึกษาหารือกับผู้นำจิตวิญญาณออกข่าวเสียใหญ่โตก่อนการเสนอชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทูลเกล้าฯ และผลของการหารือก็มีชื่อของ “พิชิต ชื่นบาน” ผู้ที่เคยรับใช้ว่าความให้กับทักษิณ ชินวัตร มาแล้วอย่างน้อย 3 คดี หนึ่งในนั้นคือคดีก็คือคดีถุงขนม จนนำไปสู่การถูกศาลสั่งจำคุก 6 เดือน และสภาทนายความลงดาบพักใบอนุญาตทนายพิชิตเป็นเวลานานถึง 5 ปี สิ่งเหล่านี้เป็นที่ทราบของสังคมอย่างกว้างขวาง ท้าทายต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดี โดยเฉพาะความซื่อสัตย์สุจริตย่อมเป็นที่ประจักษ์แจ้งต่อสังคมอยู่แล้ว กระนั้น นายกฯ เศรษฐา จะดันทุรังเสนอชื่อคนมีบาดแผลเน่าเหม็นเช่นนี้เป็นรัฐมนตรี!!!! เชื่อว่าทีมกฎหมายของนายกฯ จะอาศัยไม้กันผีจากคำปรึกษาของคณะกรรมการกฤษฎีกามาชี้แจงต่อศาล แต่นั้นก็มิอาจจะทำให้รอดพ้นจากพงหนามวิบากกรรมที่ก่อไว้ได้ง่ายนัก เพราะการสอบถามของนายกฯ ที่มีต่อกฤษฎีกา อาจจะไม่ใช่สาระสำคัญที่จะปกป้องให้ “เศรษฐา” รอดพ้นจากวิบากกรรมครั้งนี้ได้ หากนายกฯ ถามกฤษฎีกาว่า “จะสามารถนำวัวเข้าทำเนียบรัฐบาลได้หรือไม่?” ก็ย่อมได้รับคำตอบว่า “ท่านสามารถนำวัวเข้าทำเนียบฯ ได้” แต่นายกฯ ไม่ได้บอกว่ากฤษฎีกาว่า “วัวที่นำเข้าทำเนียบฯ เป็นโรคปากเท้าเปื่อย…มีแผลพุพองเน่าเหม็นเต็มตัว” เมื่อท่านนายกฯ ถามไม่ตรงความ ผลก็เป็นเช่นนี้แล เพราะการนำวัวที่เป็นโรคปากเท้าเปื่อยเข้าฝูงจะทำให้วัวดีๆ ติดเชื้อล้มตายยกฝูงได้นั่นเอง …★★…
★★…นับจากนี้เสถียรภาพของรัฐบาลภายใต้การนำของ “ทักษิณคิด …เพื่อไทยทำ” จะยิ่งเปราะบางง่อนแง่นท่วมทวีคูณ ทั้งภาพการเมืองใหญ่ “บิ๊กดีล” และการ “ทรยศหักหลังพรรคร่วมรัฐบาล” ที่เป็นเสมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะตูมตามขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ ปฏิบัติการท้าทายกระบวนการยุติธรรม การออกแถลงการณ์ครบรอบ 10 ปีรัฐประหารของพรรคเพื่อไทย ที่มีสาระสำคัญในการเร่งดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อป้องกันการรัฐประหาร หรือแม้แต่การส่ง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ ผู้ที่ไม่เคยใช้ชีวิตในทำเนียบรัฐบาล ยื่นเอกสารกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงรับสมัคร ส.ว.เชียงใหม่ เป็นก้าวย่างที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง มองข้ามช็อตไปถึงการยึดครองเก้าอี้ประธานวุฒิสมาชิก ผู้ที่จะเข้าทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในบ้านเมือง ทั้งการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระที่จะให้คุณให้โทษกับบรรดานักการเมืองเขี้ยวลากดิน ฯลฯ ถูกหลายฝ่ายโฟกัสว่า นี่คือ …”ปฏิบัติการกินรวบของตระกูลชินวัตร หรือไม่???” …★★…
การต่อรองทางการเมืองนับจากนี้จะร้อนแรง และอาจมีบิ๊กเซอร์ไพร์สให้ประชาชนได้เห็นกันในเร็ววันนี้ มองลอดแว่นไปที่ “แคนดิเดตนายกฯ” อุ้งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ทายาทการเมืองทักษิณ … ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งรายนี้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี สายน้ำคงจะไม่หวนกลับ หากแต่ยังมีเบอร์สองอย่าง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” พร้อมชิงดำ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ค่ายภูมิใจไทยที่กำลังถูกหักเหลี่ยมโหดจากควันหลงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 หรือ ลุงไม่รู้ๆๆ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ์ และพรรคกัดเซาะบ่อนทำลายการปกครอง ตัวแทนจากพรรคสีส้ม “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่วันนี้น่ากลายเป็น “น้ำกับน้ำมัน” ระหว่างเพื่อไทยและก้าวไกล ที่มิอาจเดินทางมาสบกันได้ ทั้งหลายทั้งปวงคือสมการทางการเมืองที่มีข้อจำกัดแสนโหดหินทั้งสิ้น …★★… เหลืออีกไม่กี่วัน นช.ทักษิณ ชินวัตร ก็พ้นกำหนดพักโทษ ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว กระนั้นก็ตามเขายังมีบาปเคราะห์ที่ก่อกรรมไว้เกี่ยวกับคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่เจ้าตัวบากหน้าขอความยุติธรรมจากอัยการสูงสุด ซึ่งในวันที่ 29 พ.ค.นี้ อัยการนัดหมาย นช.ทักษิณ ฟังคำสั่งอัยการว่าจะฟ้องหรือไม่ หรือจะขอเลื่อนให้สุดซอยไปอีกครั้ง นช.ทักษิณเปรียบเป็นปลาหมอจะตายเพราะปากหรือไม่ ปลุกเร้าม็อบคนเสื้อแดงให้ไปติดคุก เจ็บ ตาย พิการ วันนี้พี่น้องคนเสื้อแดงเขามาทวงถามความยุติธรรม แต่เราไม่เคยเห็น นช.ทักษิณแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ตอกย้ำจดหมายน้อยลาตายของ “บุ้งทะลุวัง เนติพร” ที่ลิขิตเขียนถึงทักษิณไว้อย่างแหลมคมและกล้าหาญ มีสาระที่ตัดพ้อทักษิณเป็นผู้ใหญ่ที่หลอกลวงไม่รักษาสัจจะ ตระบัดสัตย์ แสวงหาแต่ประโยชน์ของตนเองและพรรคพวก ไม่คิดจะทวงความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดง เป็นนักการเมืองน้ำเลวที่ไม่มีราคาอะไร ถึงวันนี้สังคมตาสว่างเห็นธาตุแท้ของทักษิณแล้วว่า เขาเป็นนักการเมืองอย่างไร??? …★★…
★★…สุดท้ายสังคมบ้านเมืองเราจะวาดหวังอะไรกับนักการเมืองได้ เพราะมีแต่ภาพแก่งแย่งชิงผลประโยชน์ต่อรองเพื่อความอยู่รอดในอำนาจ โดยที่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย รัฐบาลบริหารงานมาเกือบ 1 ปีแล้ว เศรษฐกิจสลบ ต่ำเตี้ยจมดินจีดีพีหดหาย รั้งอันดับ 5 ในภูมิภาคอาเซียน นโยบายขายฝันผูกอยู่กับดิจิทัลวอล์เล็ตหมื่นบาท ค่าครองชีพสูงรายได้ต่ำ สินค้าอุปโภคบริโภคแห่แหนขึ้นราคา ค่าน้ำค่าไฟ ค่าน้ำมันเชื้อเพลง ค่าแรงงาน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คนจนเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน ยุคข้าวยากหมากแพง รัฐบาลเพื่อไทยยังรอกล่องสมองไอเดียจากนายใหญ่ มีหวังบ้านเมืองได้พังหายนะกันทั้งแผ่นดิน ก็ต้องระมัดระวังให้ดีสำหรับร่างทรงนอร์มินีทั้งหลาย ….อย่าหลงเพลินเดินตามความคิดนายใหญ่ เพราะดูเหมือนว่านอจากอาการเจ็บป่วยข้อเสื่อมคตในข้อง้อในกระดูกแล้ว “นายใหญ่” ดูเหมือนจะเข้าสู่วัยชราหลงๆ ลืมๆ คล้ายกับภาวะอัลไซเมอร์ เคยด่ากราดลุงตู่ “แจกเงิน…คือคนปัญญาอ่อน” ไฉนวันนี้จึงออกมาผลักดันเพื่อไทยให้เดินหน้าสุดซอยแจกดิจิทัล 5 แสนล้านบาท เงินในกระเป๋ารัฐบาลก็ไม่เพียงพอ จะไปหยิบ ธกส. ก็ใช่เรื่องง่าย ตั้งงบเหลื่อมปี 67-68 ก็สุ่มเสี่ยงนำพาชาติเข้าสู่ปากเหว “เดินดงคมข่าว” ชี้ทางสว่างให้รัฐบาลเอาบุญ ไม่ต้องเสียเวลาไปกู้เงิน หรือเล่นแร่แปรธาตุใดให้ปวดศีรษะ “เศรษฐา ทวีสิน” ต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำอย่างกล้าหาญ ปฏิบัติหน้าที่ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีมติเสียงข้างมากทั้ง 9 ท่าน เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2553 ให้ยึดทรัพย์อดีตนายกฯ ทักษิณ และครอบครัว ที่ได้จากการขายหุ้นและเงินปันผลมูลค่ากว่า 4.6 หมื่นล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สมควร ร่ำรวยผิดปกติ เป็นการกระทำที่ขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม ขณะดำรงตำแหน่งนายกฯ ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น แปลงค่าสัมปทานเป็นค่าภาษีสรรพสามิตทำให้รัฐเสียหาย “เดินดงคมข่าว” เชื่อว่าหากบวกลบอัตราดอกเบี้ยที่ทักษิณ และครอบครัวบ่ายเบียงไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ก็เชื่อว่าน่าจะได้เงินก้อนโตเข้าแผ่นดิน ซึ่งรัฐบาลควรนำเงินจากการทุจริตคอร์รัปชั่นเหล่านี้ มาสร้างประโยชน์ในการปลุกเศรษฐกิจที่ป่วยไข้เพื่อมหาประชาชนโดยเร็ววัน จักเป็นคุณต่อประชาชน และบ้านเมือง
“เดินดงคมข่าว”