“คอลัมน์คมข่าว” จับชีพจรการเมือง สังคมทุจริตเลี้ยวคต 20 มิ.ย.2567 สงครามยังไม่จบ อย่าด่วนนับศพทหาร ชัยชนะ “นายใหญ่” ในความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่มากับความเสื่อมศรัทธา ยังคงต้องจับตามองกันต่อไป “เดินดงคมข่าว” สดับฟังการอภิปรายงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2568 ท่ามกลางเสียงเย้ยหยันของพรรคฝ่ายค้ายที่ว่า “เจ๊งไม่ว่า…เสียหน้าไม่ได้ .. !!!” วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ให้คำมั่นว่ารัฐบาลได้ดำเนินการตามกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างการเจริญเติบโตให้ประเทศ ซ้ำยืนยันว่ามีการลงทุนที่สูงสูดในรอบ 17 ปี …★★… “เดินดงคมข่าว” ชำแหละภาพใหญ่งบปี 68 สรุปได้ว่า วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาทนี้ แบ่งเป็นงบค่าใช้จ่ายประจำเงินเดือนข้าราชการ และรายจ่ายประจำปาเข้าไป 2 ล้านล้าน รัฐบาลจะมีเงินเหลือบริหารเพียง 1 ล้านล้าน ซ้ำแนวโน้มการจัดเก็บรายได้ปี 67 ก็ต่ำเตี้ย และมีหนี้เงินกู้ที่ต้องชำระอีก หากเป็นบริษัทห้างร้านก็อยู่ในสภาพบักโกรกเจ๊ง ปี 68 รัฐบาลจึงจำเป็นต้องกู้แบบฉ่ำๆ อีก 8 แสนล้าน ทว่ารัฐบาลยังคุยโตโอ้อวดตั้งเป้าจีดีพีโต 4.9% นโยบายเรือธงเพื่อไทยแจกเงินหมื่นจะเป็นนโยบายขับเคลื่อนพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์…. คิดวนเวียนอยู่ในกะลา งานนี้ปิดจบโดย “ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล” ส.ส.จากพรรคก้าวไกล โฟกัสไปที่กรณีนายกฯ คุยโตว่ารัฐบาลจัดสรรงบเพื่อลงทุนสูงสุดในรอบ 17 ปี แต่เมื่อเปิดดูรายละเอียดก็ต้องร้องเอ๊ๆๆ รัฐบาลจับแพะชนแกะนำนโยบายแจกดิจิทัลวอลเล็ตหมื่นบาท วงเงิน 5 แสนล้าน รวมอยู่ในหมวดการลงทุนด้วย ก็นึกภาพไม่ออกว่าการแจกเงินประชานิยมนี้ เป็นการลงทุนได้อย่างไร???? รวมๆ แล้วการจัดสรรงบประมาณ 67-68 ก็เพื่อสนองนโยบายแจกเงินหมื่น แน่นอนย่อมส่งทำให้รัฐบาลต้องจัดทำงบแบบขาดดุล กู้ฉ่ำๆ จนกลายเป็นหนี้ก้อนโตในอนาคต …★★…
“เดินดงคมข่าว” ชำแหละงบปี 68 ที่ซุกอยู่ในข้อ 4) ว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง แข่งขันได้ งบประมาณ 4,931.7 ล้านบาท เพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ประกอบการชุมชนมีความรู้และทักษะของการเป็นผู้ประกอบการที่มีอัตลักษณ์ชัดเจน พัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้านสาขาอาหาร โดยพัฒนาเชฟ 17,400 ราย ผู้ประกอบการ 200 กิจการ/กลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนา 150 ผลิตภัณฑ์ พัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้านแฟชั่น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเม็ดเงินที่ใช้ไปเพื่อสร้างกิจกรรมออแกไนซ์ ประหนึ่งเป็นการแต่งตัวให้กับ “แพทองธาร ชินวัตร” อุ้งอิ๊ง ใช้เม็ดเงินส่วนนี้เพื่อสร้างภาพความเป็นผู้นำก้าวสู่เก้าอี้นายกฯ ลำดับต่อไป เป็นการสืบทอดอำนาจระบอบทักษิณ ที่มีหมุดหมาย “กินรวบ” ทั้งแผ่นดิน ตั้งแต่สภาล่าง-สภาสูง ที่วางตัวน้องเขย “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” อดีตนายกฯ นั่งเก้าอี้ประธานวุฒิสภา …★★… ขณะที่มหันตภัยการฉ้อราษฎร์บังหลวงยังคงเบ่งบาน รัฐบาลจัดสรรงบการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบเพียง 954.6 ล้านบาท เพื่อลดปัญหาการทุจริตในสังคมไทย โดยมีเป้าหมายค่าดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) อยู่ในอันดับ 1 ใน 48 และ/หรือได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 55 คะแนน และคะแนนเฉลี่ยการประเมินคุณธรรม และความโปร่งใส (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ของหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 89 คะแนน “เดินดงคมข่าว” ไม่แปลกใจที่เหล่าเสนาบดีอดีตรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงที่ร่วมวงอยู่ในระบอบทักษิณต้องใช้ชีวิตอยู่ในคุก ทั้งโครงการบ้านเอื้ออาทร จำนำข้าว ฯล ไม่ทราบว่ารัฐบาลระบอบทักษิณมองปัญหาการทุจริตเป็นเรื่องปกติวิสัยหรืออย่างไร??? จึงจัดสรรงบประมาณปราบโกงแบบเสียไม่ได้เช่นนี้ …★★…
นโยบายที่นำไปสู่ความผิดพลาดจนนำไปสู่การทุจริตตามสโลแกนที่ว่า “ทักษิณคิด…เพื่อไทยทำ” คงปฏิเสธไม่ได้ว่า โครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดคือหายนะหลุมดำทุจริตทุกกระบวนการ และมีผู้รับผิดชอบติดคุกอยู่ในขณะนี้ ส่วนที่หลบหนีคดีก็คือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี คดีจีทูจีทิพย์ งานนี้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ออกแรงลงทุนจัดงานชิมข้าว 10 ปีโชว์สื่อฯ สร้างความเชื่อมั่นว่าข้าว 10 ปีหอมอร่อยมาก จนนำไปสู่การประมูลข้าวเพื่อปิดดีลมหากาพย์จำนำข้าวอดีตนายกฯ ปู ปรากฎว่าบริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่มีทุนจดทะเบียนแค่ 2 ล้านบาท ชนะการประมูลข้าว 10 ปีจาก 2 คลังใน จ.สุรินทร์ กว่า 286 ล้านบาท เฉลี่ย 19 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้สื่อมวลชนและสังคมต่างวิพากวิจารณ์ไปต่างๆ นานาว่า บริษัทที่ชนะการประมูลจะมีศักยภาพดำเนินการได้จริงหรือไม่ หลังจากที่เสี่ยอ้วน-ภูมิธรรม ยิ้มแก้มบานไม่กี่วัน ก็ต้องออกมาน้อมรับกับเสียงวิจารณ์ โดยเจ้าตัวยอมรับว่า “ไม่สบายใจ” และจะสั่งกรรมการตรวจสอบ ทำให้เกิดคำถามใหญ่ตามมาว่า พวกคุณกำหนดคุณสมบัติผู้ประมูลในทีโออาร์อย่างไร???? หรือเพียรกระทำทุกอย่างเพื่อดิสเครดิตอดีตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หวังผลทางการเมือง และปูทางให้นักโทษที่หนีคดีผู้น้องกลับสู่มาตุภูมิแผ่นดินแม่เช่นเดียวกับ นช.ทักษิณ ชินวัตร ข้าวนะครับไม่ใช่บรั่นดียิ่งเก็บนานยิ่งหอมหวาน การประมูล กก.ละ 19 บาท นี่มันเกื่อบเท่าราคาข้าวหอมมะลิใหม่ที่มีราคาวิ่งอยู่ที่ กก.ละ 23-24 บาท ช่างเก่งแท้รัฐบาลซอฟต์เพาเวอร์ข้าว 10 ปี ทำไมไม่ไปเก่งดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่แห่แหนปรับขึ้นราคาบ้างน่ะ ประชาชนเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน ท่านยังหลงทางค้นหาซอฟต์พาวเวอร์อยู่เลย ไม่รู้ว่าจะสรรหาอะไรมาเป็นมนต์เสน่ห์เมืองไทย วัว-ควายชน หรือไก่ชนดีล่ะ อะไรกันหนอคือซอฟต์พาวเวอร์ เทงบ 5 พันล้านไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แข่งกินปลาท่องโก๋ หรือใส่กางเกงช้าง มันน่าทุเรศสิ้นดี หากคิดอ่านกันได้แค่นี้ อนาคตประเทศไทยจะมีนายกฯ ที่เติบโตมาจากเจ้าแม่ซอฟต์พาวเวอร์ หลับตาคงพอเห็นภาพอนาคตบ้านเมืองนี้จะเป็นเช่นไร? …★★…
กองทัพเสื้อแดงตีปีกยินดีที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับประกันตัวในคดีมาตรา 112 วงเงินประกัน 5 แสนบาท พร้อมยึดพาสปอร์ต ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ คำถามคือ นช.ทักษิณ มีพาสปอร์ตไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะอดีต รมว.บัวแก้ว ผู้ล่วงลับที่เคยออกพาสปอร์ตแดงให้ทักษิณ ซึ่งถูกศาลพิพากษามีความผิดไปแล้ว สังคมจึงอยากใคร่รู้ว่าพาสปอร์ตที่ศาลยึดไปนั้น เป็นพาสปอร์ตประเทศไทยหรือประเทศอะไรกันแน่ และหากเป็นพาสปอร์ตไทย นช.ทักษิณเอาเวลาที่ไหนไปทำพาสปอร์ต และใครเป็นผู้ทำให้ …★★… ปิดท้ายด้วยนิยายประเทศสารขัณฑ์ ประพันธ์โดยหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เรื่อง “ถุงขนมภาคสอง 2 พันล้าน” ที่เกาะฮ่องกง มีเนื้อหาการรับสินบนของอดีตบิ๊กตุลาการ เพื่อเป่าคดีผู้มีอำนาจในประเทศสารขัณฑ์ แม้จะเป็นนิยาย แต่หลายคนได้ยินได้ฟังก็อดที่จะนึกถึงเหตุการณ์ที่ละม้ายคล้ายกับสถานการณ์ในไทย “วิญญัติ ชาติมนตรี” ทนายความ นช.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาระบุว่า ตนในฐานะทนายความ ขณะนี้กำลังการถอดถ้อยคำนายแพทย์วงรงค์ เพื่อยื่นฟ้องมูลค่าหลายร้อยล้านบาทในสัปดาห์หน้า กรณีเรื่องถุงขนมภาคสอง งานนี้สนุกแน่ ล่าสุดหมอวรงค์ ก็ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กท้าลั่นว่า… จะฟ้องหรือประจานพวกเดียวกัน ที่สารขัณฑ์ ใครประสานใคร ใครไปฮ่องกง ผู้หญิงที่ไปเป็นใคร สนุกแน่!!!
“เดินดงคมข่าว”