ถ้อยแถลง “ฮุน เซน” ส่อเมากาว! งัดวาทะร้อนปั่นหัวคนไทย ชี้น่าผิดหวัง ไหนบอกข้อมูลลับฝังทักษิณ อัดยับ “แฉ” ที่ไม่ลับ-ไร้ความน่าเชื่อถือ “วิโรจน์” อ่านเกม “อังเคิลฮุน” ยุแยงให้แตกแยก หวังเกิดรัฐประหาร โดดเดี่ยวไทยเวทีโลก เตือนรัฐบาลอย่าหวั่นไหว หลงเป็นเหยื่อ “บิดาแห่งสแกมเมอร์” ขณะที่ “ภูมิธรรม” ซัด “อดีตผู้นำเขมร” ต้องการสร้างสงครามปั่นกระแสไปวันๆ วอนสื่ออย่าเต้นตาม ส่วนจะเอาผิดหรือไม่ “กต.” กำลังดูอยู่ ล่าสุดชาวเน็ตไทยจับโป๊ะ “ลุงวุ้นเส้น” เช็กคลังอาวุธกัมพูชา แฉแสนยานุภาพทิพย์-ไร้ขีปนาวุธ ไหนบอกว่ายิงถึง กทม. แม้แต่เครื่องบินรบยังไม่มีซักลำ “ทัพฟ้า” จ่อคิวสอย! “ผบ.ทอ.” ย้ำ 5 นาทีพร้อมปฏิบัติการ
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่เปราะบางของไทย ถ้อยแถลงของสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายจับตามอง โดยเฉพาะการพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และการแทรกแซงกิจการภายในของไทยอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งถูกมองว่าเป็นการกระทำที่มุ่งบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และหวังสร้างความแตกแยกภายในสังคมไทย
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Samdech Hun Sen of Cambodia” โดยอ้างว่าจะเปิดเผยข้อมูลลับที่ “เขย่าไทย” เกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งรวมถึงแผนการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีภายใน 3 เดือน และการพาดพิงสถาบันเบื้องสูง
อย่างไรก็ตาม เนื้อหาที่ “ฮุน เซน” นำเสนอส่วนใหญ่กลับเป็นข้อมูลที่สังคมไทยรับรู้และตั้งข้อสังเกตมานานแล้ว อาทิ กรณีที่นายทักษิณ “แกล้งป่วย” รวมถึงประเด็นทางการเมืองอื่นๆ ที่ไม่ได้สร้างความตื่นตะลึงหรือเป็น “ข้อมูลลับ” อย่างที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทำให้ความน่าเชื่อถือในถ้อยแถลงของ “ฮุน เซน” ลดน้อยลงไปอย่างมาก
นอกจากนี้ การที่ “ฮุน เซน” เรียกร้องต่อศาลไทยให้ไปให้ปากคำในฐานะพยานในคดีของนายทักษิณ ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของการพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำในฐานะผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน

“อังเคิลฮุน” มุ่งเป้าบ่อนทำลายความมั่นคง-ศก.ไทย
ในไลฟ์สดดังกล่าว “ฮุน เซน” ยังได้กล่าวหาว่านายทักษิณดูหมิ่นกองทัพและเบื้องสูงของไทย ซึ่งเป็นการพยายามจุดชนวนความขัดแย้งภายในประเทศ และยังระบุถึงการกระทำที่เป็นการบ่อนทำลายเศรษฐกิจของไทย โดยอ้างว่ากัมพูชาถูกบีบให้หยุดซื้อเชื้อเพลิงจากบริษัท ปตท. และพร้อมที่จะรับแรงงานกัมพูชาที่ทำงานในไทยกลับประเทศ โดระบุว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคอุตสาหกรรมและแรงงานของไทย
อีกทั้งการที่ “ฮุน เซน” กล่าวถึงการปิดพรมแดนของไทยโดยอ้างเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า “เป็นเพียงข้ออ้างเพื่อรุกราน” และยังอ้างว่าไทยตัดอินเทอร์เน็ตแล้วมาขอโทษภายหลัง แสดงให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจและอาจมีเจตนาสร้างความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การกล่าวโจมตี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าไม่มีคุณธรรมทางการเมือง และดูหมิ่นนักการเมืองไทยว่าเป็นผู้ไร้ความเป็นมืออาชีพ ทั้งที่ฝ่ายไทยเป็นผู้เดินทางไปเจรจากับกัมพูชาเองนั้น เป็นการแสดงออกที่ก้าวร้าวและขาดซึ่งความเคารพต่อผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน การอ้างถึงมิตรภาพ 30 ปีที่ถูกทำลายลง เพราะคำพูดและพฤติกรรมของ น.ส.แพทองธาร ยิ่งสะท้อนถึงการพยายามสร้างความขัดแย้งส่วนตัวให้กลายเป็นประเด็นระดับประเทศ

ถ้อยแถลงของ “ฮุน เซน” ที่พาดพิงถึงประเด็นละเอียดอ่อนทางการเมืองภายในของไทย โดยเฉพาะการอ้างว่า น.ส.แพทองธาร เคยมาปรึกษาเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่บ้านของเขา ถือเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งมีเจตนาชัดเจนที่จะสร้างความวุ่นวายและความแตกแยกภายในพรรคการเมืองและสังคมไทย
อย่างไรก็ตาม บุคคลสำคัญในประเทศไทยหลายคน อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดีอี ได้ออกมาเตือนคนไทยไม่ให้หลงเชื่อคำพูดของฮุน เซน ที่อาจมีเจตนาทำให้เกิดความแตกแยก รวมถึงพลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ได้ยืนยันว่าทุกเหล่าทัพมีสติและจะไม่เต้นตามกระแสของฮุน เซน
จากถ้อยแถลงของสมเด็จฯ ฮุน เซน พบว่ามีหลายประเด็นที่ “ไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือ” มีลักษณะของการบ่อนทำลายความสัมพันธ์ และมีเจตนาที่จะสร้างความแตกแยกภายในหมู่คนไทย ซึ่งหลายฝ่ายต่างเห็นตรงกันว่า การรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจที่รอบด้าน การยึดมั่นในข้อเท็จจริง และความสามัคคีภายในประเทศ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของบุคคลที่มุ่งร้ายต่อประเทศไทย

‘วิโรจน์’ ชี้ ‘ฮุนเซน’ ปั่นไทยเกิดรัฐประหาร
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ได้แสดงความเห็นต่อกรณีที่สมเด็จฯ ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เผยแพร่คลิปที่เชื่อมโยงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กับแผนการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี โดยมองว่าเป็นความพยายาม “ปั่นกระแส” เพื่อยุแยงให้เกิดรัฐประหารในไทย
โดยปกติแล้วความขัดแย้งระหว่างประเทศมักจะเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธ แต่กัมพูชากลับเลือกใช้ “คลิป” เป็นเครื่องมือในการปั่นกระแสทุกวัน ซึ่งน่าสงสัยในเจตนาที่แท้จริง ซึ่งนายวิโรจน์เตือนว่ารัฐบาลไทยไม่ควรรีบตื่นตระหนก หรือตกเป็นเหยื่อของสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ถูกเรียกว่าเป็น “ผู้นำสายคอนเทนต์” และ “บิดาแห่งสแกมเมอร์แห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
นายวิโรจน์เน้นย้ำว่า แม้จะมีคลิปเสียงใดๆ ออกมา ก็ต้องมีการพิสูจน์ความจริงให้ชัดเจนก่อน และการที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ทำทีสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ไม่ใช่การสนับสนุนอย่างแท้จริง แต่เป็นการยุแยงเพื่อให้เกิดการปะทะกันระหว่างคนไทย และส่งเสริมให้เกิดการทำรัฐประหาร ซึ่งจะนำประเทศไทยไปสู่ความไม่ชอบธรรมในเวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา และอาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
“ถ้าเราถกเถียงกันด้วยเหตุด้วยผล ผมว่ามีสิทธิ์แต่ถ้าเราต้องมานั่ง ทะเลาะกันเพราะการปั่นของฮุนเซน ผมคิดว่าไม่ใช่” นายวิโรจน์ กล่าวและว่า
รัฐบาลควรรับมือด้วยการให้โฆษกหรือกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ชี้แจงสถานการณ์ต่อทูตานุทูต และควรประท้วงต่อองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่าความขัดแย้งระหว่างฮุนเซนกับนายทักษิณ อาจมาจากการตกลงกันไม่ได้ และอาจเกี่ยวข้องกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ ป.ป.ง. และตำรวจไซเบอร์ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และยึดทรัพย์ พร้อมขึ้นบัญชีดำกัมพูชา หากพบว่ามีการฟอกเงินจริง

‘อ้วน’ เมิน ‘ฮุนเซน’ วอนสื่ออย่าเต้นตาม ชี้แค่ปั่นสร้างกระแส
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุว่า ไม่ให้ความสนใจต่อกรณีที่สมเด็จฯ ฮุน เซน อ้างว่าจะเปิดเผยคลิปที่นายทักษิณ ชินวัตร ดูหมิ่นสถาบันฯ โดยชี้ว่าฮุน เซน พูดจาไม่น่าเชื่อถือและกลับไปกลับมาหลายครั้ง อีกทั้งยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับเสถียรภาพของรัฐบาล
นายภูมิธรรม มองว่าการกระทำของฮุน เซน เป็นเพียงสงครามข่าวสารและจิตวิทยาที่ต้องการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทย เพื่อหวังผลประโยชน์ในเรื่องที่ดินและชายแดน ในช่วงที่รัฐบาลไทยอ่อนแอ พร้อมขอให้สื่อมวลชนอย่าหลงเชื่อหรือตกเป็นเครื่องมือในการสร้างกระแส พร้อมย้ำว่าหากมีการกระทำที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายไทย ทางการจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป