Home Thailand ‘อิ๊งค์’ ฮึ่ม! แจ้งจับเฟคนิวส์ กุข่าววัตถุโบราณคืน ‘เขมร’

‘อิ๊งค์’ ฮึ่ม! แจ้งจับเฟคนิวส์ กุข่าววัตถุโบราณคืน ‘เขมร’

by admin

“แพทองธาร” โต้เฟคนิวส์คืนวัตถุโบราณให้เขมร ยัน “ไม่เป็นความจริง” ฮึ่ม! ประกาศแจ้งความ “คนจงใจปล่อยข่าว” ชี้วิจารณ์ปกติรับได้ แต่การสร้างข่าวปลอม-จงใจบิดเบือนข้อมูล ต้องถูกดำเนินคดี แจงส่งมอบ “ส่วนที่เหลือ” วธ.ชงความเห็น “ให้ทบทวน” ยังไม่ส่งคืนตอนนี้ เล็ง “แคช รีเบต” ที่รัฐบาลเคยอุดหนุน 30% ให้กองถ่าย ตปท. ส่งเสริมคนไทยทำหนังกันเอง ดัน “หนังไทย” ไปไกลระดับโลก พร้อมเร่งเครื่อง “ควิก-วิน” 4 อุตสาหกรรมหลัก “ซอฟต์พาวเวอร์”

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ถือฤกษ์ 09.09 น. เข้ากระทรวงวัฒนธรรม เป็นวันแรก และได้ประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงฯ โดยกล่าวถึงประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่ระบุว่า มีการคืนวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กัมพูชา โดยยืนยันว่า “ไม่เป็นความจริง”

นายกฯ ชี้แจงว่า การคืนวัตถุโบราณ 23 รายการ เคยเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อปี 2558 หลังจากตรวจสอบพบว่าเป็นของกัมพูชา จากจำนวน 43 ชิ้น ที่ลักลอบนำเข้าจากสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2513

ส่วนกรณีวัตถุโบราณ 20 รายการ ที่เป็นประเด็นข่าวปลอมนั้น เป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2567 ในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่เห็นชอบให้ส่งมอบคืนตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เสนอ หลังจากกรมศิลปากรและคณะผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่ามีต้นกำเนิดในกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณของกรมศิลปากร ซึ่งงบประมาณปีปัจจุบันไม่เพียงพอและไม่ใช่เรื่องด่วนที่สามารถของบกลางได้

น.ส.แพทองธาร กล่าวสรุปว่า วธ.จึงมีความเห็น “ให้ทบทวนก่อน” เรื่องการตั้งงบฯ ค่อยว่ากันอีกที ส่วนที่เหลืออยู่ก็ยังไม่ส่งคืน” โดยคำนึงถึงสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาในปัจจุบัน

สำหรับโบราณสถานในกลุ่มปราสาทตาเมือน (ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่าเป็นโบราณสถานที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทย และได้มีการประกาศขึ้นทะเบียนตามกฎหมายโบราณสถาน พ.ศ.2505 ส่วนพื้นที่ภาคอื่นๆ กระทรวงการต่างประเทศจะเร่งดำเนินการรักษาดินแดนและอำนาจอธิปไตยของไทยเช่นกัน

นายกฯ ได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงว่า “พอดีมีสื่อมวลชนอยู่ด้วย ก็เป็นโอกาสที่ดี ชี้แจงในเรื่องการปล่อยข่าวของการปลุกปั่นต่างๆ ที่ทำให้เกิดผลเสียผลกระทบ ดิฉันก็ต้องดำเนินการในการแจ้งความกับผู้ที่ปล่อยข่าว ปกติแล้วคอมเมนต์ที่เป็นเรื่องของการว่ากล่าวธรรมดา ดิฉันเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อันนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ว่าการปล่อยข่าว ไม่ว่าจะเรื่องที่ว่าดิฉันส่งวัตถุไปแล้ว ซึ่งกระทรวงทราบอยู่แล้วว่าไม่จริง เพราะฉะนั้นเรื่องอย่างนี้ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายไป”

นอกจากประเด็นวัตถุโบราณแล้ว น.ส.แพทองธาร ยังได้กล่าวถึงนโยบายส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ โดยเฉพาะเรื่อง Cash Rebate สำหรับผู้ถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการสนับสนุน 30% ให้กับต่างชาติที่เข้ามาถ่ายทำ จึงต้องการขยายมาตรการนี้เพื่อสนับสนุน “คนไทยทำหนังกันเอง” จึงอยากสนับสนุนหนังไทยให้ไปไกลมากกว่านี้ เพื่อให้หนังไทยเป็นช่องทางในการโฆษณาผลิตภัณฑ์และวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก สุดท้าย นายกฯ ยังได้เน้นย้ำถึงการเร่งผลักดัน “ควิก-วิน” (Quick Win) ใน 4 อุตสาหกรรมหลักของซอฟต์พาวเวอร์ ได้แก่ 1. ภาพยนตร์ 2. อาหาร 3. มวยไทย และ 4. ธุรกิจการดูแลสุขภาพ เพื่อยกระดับศักยภาพ กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างงานอย่างรวดเร็ว รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยวและโรงแรม โดยยินดีสนับสนุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ เพื่อให้เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

Related Articles