จับตาชายแดน! มทภ.2 ยันไทยพร้อมคุย-พร้อมรบ รอสัญญาณจากเขมรแก้ปมปราสาท ฝากรัฐบาล 2 ประเทศ สางปมชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งสารถึง “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” รักษาสุขภาพด้วย ยันไทยมีกระสุนเต็มแม็ก พร้อมรักษาอธิปไตย มั่นใจเหตุการณ์จบก่อนเกษียณตุลาคมนี้
วันนี้ (9 ก.ค.) ที่ฐานอนุพงศ์ อ.น้ำยืน จ. อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมกำลังพลตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยนำสิ่งของพระราชทานมามอบให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน
แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และประเด็นการสร้างรั้วแนวปราสาทตาเมือนธมว่า ต้องทำความเข้าใจเรื่องเขตแดนให้ตรงกันก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น ส่วนสถานการณ์ในปัจจุบันมีความสงบเรียบร้อยดี โดยสองฝ่ายมีการประสานงานพูดคุยกันมาตลอด เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด ซึ่งบางครั้งเกิดความไม่เข้าใจกันเรื่องเส้นทางลาดตระเวน หรือทหารเปลี่ยนผลัดใหม่
ทั้งนี้ ผู้บังคับหน่วยระดับพื้นที่ของทั้งสองฝ่าย ได้ประสานพูดคุยกันจนทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ขณะนี้รอสัญญาณความพร้อมในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค หรือ RBC ไทย-กัมพูชา จากทางฝ่ายกัมพูชาเป็นหลัก เพราะในส่วนของไทยมีความพร้อมอย่างเต็มที่
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาลาดตระเวนและมีการประชาสัมพันธ์ในเรื่องกระแสรักชาติว่า ถือเป็นเรื่องปกติ และทางไทยเองก็เชิญชวนให้ประชาชน มาเที่ยวชมปราสาทตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชา มีหลายปราสาท ตั้งแต่ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ โดยยืนยันว่า 3 ปราสาท 1 พื้นที่ที่เป็นประเด็น คนไทยสามารถมาได้ทั้งหมด เพราะเป็นเขตของไทยอยู่แล้ว ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้นานแล้ว โดยเฉพาะปราสาทตาเมือนธม รวมถึงปราสาทที่อยู่ใกล้เคียง ก็สามารถมาเที่ยวชมกันได้
แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุไม่กังวลเรื่องการเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ เพราะเชื่อมั่นในผู้บังคับบัญชาที่จะคัดเลือกผู้มีความนู้ ความสามารถ มาดำรงตำแหน่ง มทภ.2 ต่อไป
สำหรับนโยบายปราบปรามคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ จะส่งผลเพิ่มความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนหรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายรัฐบาลที่กองทัพพร้อมสนับสนุน แต่ปัจจุบันปัญหานี้ลดไปได้มาก หมายเลขโทรศัพท์แปลกปลอมลดลง มีความเข้มงวดในมาตรการเข้า-ออกด่าน พร้อมย้ำว่า ไม่กังวลเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะทหารทำหน้าที่อยู่แล้ว และต้องดูแลความมั่นคงของประเทศ ไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร หรือใครจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทหารก็พร้อมปฏิบัติตามนโยบายที่เป็นไปเพื่อประเทศชาติ
แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า จากสถานการณ์ช่องบก 28 พ.ค.68 จนถึงวันนี้ สถานการณ์ดีขึ้นโดยมีการปรับกำลังที่ช่องบก รวมถึงมีมาตรการด่าน เป็นการเสริมการทำงาน ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ
พร้อมกล่าวว่า สถานการณ์จะดีขึ้นอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้นำกัมพูชา เพราะฝ่ายไทยไม่มีปัญหาใดๆ โดยเฉพาะในประเด็น 3 ปราสาทกับ 1 พื้นที่ ที่ทางกัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทหารก็จะควบคุมพื้นที่อยู่เช่นเดิม
ส่วนจะมีประเด็นอะไรฝากถึงสมเด็จฮุนเซนและฮุนมาเนต หรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า อยากให้ดูแลสุขภาพ และยังต้องการให้รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ แก้ปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดี เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของพี่น้องประชาชนทั้งไทยและกัมพูชา
ในตอนท้าย พล.ท.บุญสิน ได้ปฏิเสธข่าวลือที่ว่ากองทัพไทยขาดแคลนกระสุนจนต้องขอการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา (จัสแมก) กล่าวว่า “ไม่น่าจะใช่เรื่องจริง แต่มีการให้ข่าวที่ค่อนข้างคลาดเคลื่อน” โดยยืนยันว่า ทุกวันนี้มีเพียงพออยู่แล้ว พร้อมที่จะปกป้องประเทศชาติ พร้อมย้ำว่า “ไทยมีกระสุนเต็มแม็ก”