Home Feature ‘บิ๊กเต่า’ ฟาดแรง พศ.ไร้น้ำยา-อุ้มพระ! หนีสึกอีก 1-ฟันฉ้อโกง ‘สีกากอล์ฟ’

‘บิ๊กเต่า’ ฟาดแรง พศ.ไร้น้ำยา-อุ้มพระ! หนีสึกอีก 1-ฟันฉ้อโกง ‘สีกากอล์ฟ’

by admin

“บิ๊กเต่า” ฟาดสำนักพุทธฯ มีหลักฐานเยอะแต่ไม่ทำอะไร แถมช่วยเหลือพรรคพวก ซ้ำร่วมงานทุกครั้งล้มเหลวตลอด ยันมีข้อมูล “พระปวรเมธี” ผิดวินัยสงฆ์ชัดเจน เผยคืบหน้าคดี “นารีพิฆาตสงฆ์” กองปราบฯ บุกแจ้งข้อหา “สีกากอล์ฟ” เพิ่มอีก 2 คดี “ฉ้อโกง-รีดทรัพย์” พรุ่งนี้คุมตัวฝากขังศาลอาญาทุจริตฯ พร้อมคัดค้านประกันตัว “ตำรวจไซเบอร์” เร่งแกะรอยเส้นเงินในบัญชี พบหลักฐานชัดโอนเข้าเว็บพนัน ขู่ฟันพระทุกรูปที่เอี่ยว ล่าสุด “พระราชรัตนสุธี” เจ้าคณะพิษณุโลก” ผ้าเหลืองร้อน! ยอมสึกอีกรายเซ่นปมอื้อฉาว

ความคืบหน้าคดี “นารีพิฆาตสงฆ์” ที่เกี่ยวพันกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (16 ก.ค.) พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ หรือ “สีกากอล์ฟ” อายุ 35 ปี เพิ่มเติมอีก 2 คดี คือ 1.คดีฉ้อโกง กรณีหลอกลวงอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ จังหวัดพิจิตร เพื่อแลกกับข้อมูลความสัมพันธ์กับพระผู้ใหญ่ และ 2.คดีรีดเอาทรัพย์ ที่มีผู้เสียหายเป็นอดีตพระลูกวัดใน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตำรวจยืนยันว่ามีหลักฐานเส้นทางการเงินมัดตัวชัดเจน

โดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนจะนำตัว น.ส.วิลาวัลย์ ไปยื่นคำร้องขอฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ค.) โดยจะยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาในวงกว้าง

ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 ระบุถึงการตรวจสอบบัญชีธนาคารของสีกากอล์ฟ พบหลักฐานการโอนเงินไปเล่นการพนันออนไลน์จริง ขณะนี้กำลังเร่งประสานข้อมูลจาก บก.ปปป. เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด และยืนยันว่าหากพบความเชื่อมโยงถึงพระสงฆ์รูปใด ก็จะดำเนินคดีโดยไม่มีข้อยกเว้น

ในวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชรัตนสุธี (ขวัญรัก มหาวายาโม ปธ.9) ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ได้ทำพิธีลาสิกขา (สึก) จากสมณเพศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลา 11.29 น. ณ วัดสว่างอารมณ์ อ.บ้านตาก จ.ตาก

การลาสิกขาครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่พระราชรัตนสุธีได้หายตัวไปจากวัดต้นสังกัดเป็นเวลาหลายวัน และไม่ได้เข้ารายงานตัวต่อเจ้าคณะผู้ปกครองระดับภาคตามกำหนด ท่ามกลางกระแสข่าวอื้อฉาวที่ชื่อและภาพของท่านเข้าไปพัวพันกับ “สีกากอล์ฟ” โดยมีการเผยแพร่ภาพถ่ายที่อ้างว่าเป็นภาพของท่านในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ซึ่งหลุดออกมาจากโทรศัพท์มือถือของสีกา จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรณีเรื่องเสพเมถุนเรื่องทำผิดวินัยสงฆ์ รวมทั้งคนภายนอกที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับพระ มันถูกต้องและไม่ได้รับการแก้ไขให้มันถูกต้องตามระเบียน และวิธีปฏิบัติ

ส่วนตัวมองว่า เรื่องจะปล่อยให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ทำไปฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะว่า “สำนักพุทธฯ ก็เรียนเปรียญธรรมจากพระทั้งหมด ก็ต่างมีคอนเนคชั่นกัน เป็นพวก เป็นเพื่อนกัน เกิดเหตุขึ้นมาก็ช่วยเหลือกัน” ซึ่งเรื่องแบบนี้แก้ไขไม่ได้ต้องให้คนนอกขึ้นมาร่วมแก้ไข ดังนั้นข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดของสำนักพุทธฯ ที่วางใต้โต๊ะ จะต้องเอาขึ้นมาวางบนโต๊ะให้หมด เนื่องจากฝีระเบิดแล้วก็ต้องจริงใจในการแก้ปัญหา

สิ่งหนึ่งที่ พศ.ต้องทำคือ มาร่วมมือกับกองปราบ และตนเองไม่ได้ปรามาส พศ. แต่ทุกครั้งที่ร่วมงานกันคือความล้มเหลว ทำให้ตำรวจเหนื่อยมากขึ้น ต้องมีการสังคายนาสำนักพุทธฯ และวัดด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การกล่าวเช่นนี้ มองว่า พศ.บ่อนทำลายศาสนาหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้ว่าบอกว่าเป็นการบ่อนทำลาย แต่ว่าสำนักพุทธมีแนวทางที่ไม่เข้มงวดกวดขัน เป็นการกลบปัญหาเอาไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยังคับใช้กฏหมายถึงเดินหน้าต่อไปได้ จะปล่อยให้มันเป็นมะเร็งร้าย และลุกลามบานปลายจนคนไม่เข้าวัด ไม่ทำบุญก็คงไม่ใช่ จนเสื่อมแบบนี้ ดังนั้นสำนักพุทธจะต้องแสดงความจริงใจอย่างมากในการที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้

ส่วนที่สำนักพุทธฯ ระบุว่าหลักฐาน “พระปวรเมธี” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ยังไม่เพียงพอต่อการลาสิกขา ยังเป็นเพียงอาบัติสังฆาทิเสส สามารถออกจากอาบัติได้โดยเข้าปริวาสกรรมนั้น ยืนยันว่า สิ่งที่ พศ.มี กับตำรวจมีนั้น มันแตกต่างกัน แต่เชื่อว่า พศ.มีหลักฐานมากกว่า ซึ่งตำรวจมีข้อมูลยืนยันว่าพฤติกรรมของพระวัดประยุรฯ ผิดวินัยสงฆ์ชัดเจน ซึ่งพรุ่งนี้มีการประชุมร่วมกัน และเราจะชี้ให้เห็นว่ามันเน่าเฟะตรงไหน และมีผลประโยชน์ร่วมกันหรือไม่

พร้อมกับยืนยันยืนยันว่า พศ.มีเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติดีจำนวนมาก แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่กระทำผิดผู้กระทำความผิด ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องมีการแก้ปัญหากันอย่างจริงจัง

Related Articles