“จักรภพ” เผยคำประกาศ “ทักษิณ” ชูปัญหา “เมียนมา” เป็นวาระเร่งด่วนของอาเซียนก่อนทุกเรื่อง ชี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอาเซียนในเวทีโลก
นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงประเทศบรูไน ก็ได้ประกาศไว้ชัดเจนว่า ปัญหาความขัดแย้งในเมียนมา เป็นเสมือน “ช้างใหญ่ในห้อง” ของอาเซียน ซึ่งหมายถึงว่า กรณีเมียนมาคืออุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการขับเคลื่อนประเด็นอื่นๆ ในภูมิภาค เปรียบได้กับแนวคิดของท่านพุทธทาสภิกขุ ที่กล่าวถึง “ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม” ซึ่งขวางกั้นการเข้าถึงสัจธรรม หากปัญหานี้ไม่ถูกแก้ไข การดำเนินนโยบายอื่นๆ ของอาเซียนก็ย่อมติดขัด
นายจักรภพ กล่าวต่อว่า คำประกาศของอดีตนายกฯ ทักษิณ ครั้งนี้ เป็นกรณีศึกษาสำคัญในมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยมี 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.คำประกาศในครั้งนี้ของ ดร.ทักษิณ สะท้อนว่าแนวทางของไทยและอาเซียนมีเป้าหมายร่วมกัน และเดินไปในทิศทางเดียวกัน การได้เป็นที่ปรึกษาของประธานอาเซียน ทำให้ไทยมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายของกลุ่ม และเสริมสร้างอำนาจต่อรองในเวทีระหว่างประเทศ
2.บทบาทของ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ที่ได้แต่งตั้ง ดร.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษา แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของนายอันวาร์ ที่ให้ความไว้วางใจและอิสระในการดำเนินงานกับอดีตผู้นำไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ของสองผู้นำที่มากประสบการณ์
3.คำประกาศดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณไปยังประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ จีน รัสเซีย สหภาพยุโรป และอินเดีย ว่าปัญหาเมียนมาคือวาระเร่งด่วนของอาเซียน ใครต้องการกระชับความสัมพันธ์กับภูมิภาคนี้ ทั้งในมิติการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหานี้เป็นอันดับแรก
4.แสดงให้เห็นถึงบทบาทของบรูไน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่เก่าแก่ของอาเซียน เคยตกอยู่ในภาวะที่ชื่อของประเทศต้องถูกพูดถึงอย่างระมัดระวังจากสถานการณ์ในไทย แต่ปัจจุบัน บรูไนได้กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้ง สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ซึ่งมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ ดร.ทักษิณ ถือเป็นผู้นำที่มีแนวทางสันติวิธี ไม่สร้างข้อพิพาท และมุ่งเน้นการลดความขัดแย้ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่ออาเซียนโดยรวม
“การที่ ดร.ทักษิณ ชูประเด็นปัญหาเมียนมาอย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นว่าอาเซียนกำลังก้าวเข้าสู่การบริหารปัญหาความขัดแย้งในระดับภูมิภาคอย่างจริงจัง ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอาเซียนในเวทีโลกต่อไป” นายจักรภพ กล่าว