ก.ล.ต.กล่าวโทษ “ประกรณ์ เมฆจำเริญ” อดีตผู้บริหาร STARK ตกแต่งงบการเงิน ช่วงปี 64-65 พร้อมส่ง ปปง.ขยายผลเอาผิดฟอกเงิน
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษนายประกรณ์ เมฆจำเริญ อดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีการตกแต่งงบการเงินของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564-2565 ซึ่งเป็นกรณีขยายผลจากการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหาร STARK จำนวน 10 รายในคราวแรก
โดยปรากฏข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ว่า นายประกรณ์ ซึ่งในขณะเกิดเหตุเป็นกรรมการและผู้บริหารของ STARK และบริษัทย่อย ได้ร่วมกันกระทำกับผู้ต้องสงสัยที่เป็นกรรมการและผู้บริหาร STARK รายอื่น หรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จ ทำบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ในบัญชีหรือเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในปี 2564-2565 เพื่อลวงบุคคลใดๆ
ทั้งนี้ การกระทำของนายประกรณ์ เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 312 และมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 และมาตรา 89/7 ประกอบมาตรา 89/24 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) แล้วแต่กรณี ก.ล.ต.จึงกล่าวโทษนายประกรณ์ เมฆจำเริญ ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต.ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯข้างต้นต่อ ปปง. ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับกรณีการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารและนิติบุคคล จำนวน 10 รายในคราวแรก และเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ ในฐานะโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต.ให้ความสำคัญการคุ้มครองผู้ลงทุนและการบังคับใช้กฎหมายตามนโยบายปราบปรามที่มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับ STARK ก.ล.ต.ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงประสานความร่วมมือและติดตามความคืบหน้ากับ DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว ในครั้งนี้เป็นการขยายผลการตรวจสอบเพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิดเพิ่มเติม โดย ก.ล.ต.ขอให้มั่นใจว่า จะดำเนินการนำผู้กระทำผิดตลอดจนผู้สนับสนุนการกระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด