“รองนายกฯ สมศักดิ์” ชี้แจงร่างกฎหมายเพิ่มอำนาจ ป.ป.ท. ยันเป็นการปรับปรุงให้ครอบคลุมการตรวจสอบ หวังสกัดกั้นการทุจริต ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ ส.ว.ลงมติเห็นชอบ 197 คะแนน พร้อมตั้ง กมธ.วิสามัญ 26 คน พิจารณาวาระ 2 ต่อ
ที่รัฐสภา วันนี้ (1 เม.ย.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงการเสนอร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ ในที่ประชุมวุฒิสภา
โดยรองนายกฯ กล่าวว่า ในนามผู้แทนคณะรัฐมนตรีขอชี้แจงร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อให้ที่ประชุมรับไว้พิจารณา ดังนี้ ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 มีจำนวน 22 ร่างมาตรา โดยผ่านการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผ่านการพิจารณาตรวจร่าง จากคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นที่เรียบร้อย จนกระทั่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2566 และเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตามลำดับ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ได้มีการแก้ไขจากร่างฉบับเดิม ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี จำนวน 5 มาตรา ได้แก่ มาตรา 6 ,มาตรา 9 ,มาตรา 11 ,มาตรา 12 และมาตรา 20 ซึ่งเป็นการแก้ไขรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไม่ได้กระทบในสาระสำคัญของกฎหมายแต่อย่างใด รายละเอียดปรากฏตามร่างพระราชบัญญัติ ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ มีการปรับปรุงแก้ไขหน้าที่ และอำนาจการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ป.ป.ท. และสำนักงาน ป.ป.ท. ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
มีการแก้ไขนิยามคำว่า “ประพฤติมิชอบ” พร้อมมีการกำหนดระยะเวลาดําเนินการไต่สวนให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น และให้เริ่มดําเนินการไต่สวนภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่อง รวมถึงกำหนดหน้าที่และอำนาจในการออกหมายจับ และอํานาจในการจับกุมผู้กระทําผิด ที่คณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติชี้มูลความผิด และผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์หลบหนี นอกจากนี้ ยังกำหนดให้สำนักงาน ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้ไต่สวนคดี กรณีถูกฟ้อง หรือถูกดำเนินคดีจากการปฏิบัติหน้าที่ เป็นต้น
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ จึงเป็นการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ครอบคลุมการตรวจสอบ การกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐในทุกมิติ ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ทำให้สามารถสกัดกั้นการทุจริต และประพฤติมิชอบในสังคมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตนจึงขอให้ที่ประชุมวุฒิสภา ร่วมกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการพิจารณา ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติเห็นชอบ ด้วยคะแนน 197 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ที่ประชุมจึงเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ไว้พิจารณา และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต จำนวน 26 คน เพื่อพิจารณาในวาระที่ 2 ต่อไป