“เดินดงคมข่าว” หลับฝันไปหลายตื่น ได้ยินเสียงเชียร์จากกองทัพเสื้อแดง “นายกฯ ชื่อเศรษฐา…คนไทยจะเป็นเศรษฐี” พร้อมความหวังที่จะได้รับแกเงินดิจิทัลคนละหมื่นบาทจากรัฐบาลเพื่อไทย ด้วยเม็ดเงินกว่า 4 แสนล้านบาท โดยลืมไปว่าผู้นำจิตวิญญาณ “ทักษิณ ชินวัตร” เคยออกมาด้อยค่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กระตุ้นเศรษฐกิจยุคโควิด-19 ผ่านกระเป๋าตัง 5 พันบาท และนโยบายคนละครึ่งเป็นเรื่องของ “คนสิ้นคิด” ไปเสียฉิบ …งานนี้ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน “เสี่ยนิด” ได้ปรึกษาหารือกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่วันนี้ได้รับการพักโทษแบบโคตรสง่าผ่าเผยหรือไม่???? …▶▶… “เดินดงคมข่าว” เห็นว่า “เสี่ยนิด” นั่งถ่างขาเก้าอี้ “ขุนคลัง” และมักพร่ำบอกสังคมเนืองๆ ว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในขั้น “วิกฤต” คำถามตัวโตๆ จากชาวบ้านร้านตลาดที่กำลังเดือดร้อน ทำมาค้าขายฝืดเคือง หลายคนบ่นคิดถึงลุงตู่ขึ้นมาถนัดใจ เพราะจัดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดนใจ ทำให้พ่อค้าแม่ขายพอลืมตาอ้าปากได้ ส่วนประชาชนก็มีกำลังจับจ่ายใช้สอยได้พอสมควร เศรษฐกิจวิกฤติขุนคลัง มีแผนสำรองช่วยให้คนไทยลืมตาอ้าปากหรือไม่ นอกจากฝันลมๆ แล้งๆ กับเงินดิจิทัลมูลค่าหมื่นบาท
…▶▶… ของตายสำหรับมนุษย์เงินเดือน หรือ “ฟรีแลนซ์” ที่หวังจะได้เงินคืนภาษี ก็มีอันต้องสะดุด เพราะผู้บริหารกรรมสรรพากรสั่งตรวจสอบผู้ขอคืนภาษีแบบเข้มข้น จากผู้ขอคืนภาษีกว่า 2.9 ล้านราย “วินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ” รองอธิบดีกรมสรรพากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร บอกว่า ช่วงนี้มีผู้ยื่นแบบเสียภาษีเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำลังการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลยังเท่าเดิม จึงกลายเป็นปัญหาคอขวด อีกทั้งการเชื่อมต่อฐานข้อมูลยังไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ระบบตรวจสอบของกรมสรรพากร เรียกตรวจเอกสารจริงจากผู้มีเงินได้ แม้มีข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ปรากฏบน My tax account ก็ตาม ส่งผลให้ กระบวนการตรวจสอบเอกสารหลักฐานนานขึ้น ซึ่งขณะนี้ สามารถคืนเงินภาษีไปแล้วมากกว่า 1,900,000 แบบ จากจำนวนผู้ขอคืนเงินภาษี กว่า 2,900,000 แบบ …▶▶…กรมสรรพากรยังอ้างว่ามีขบวนการทุจริตสร้างหลักฐานเท็จขอคืนภาษี จึงจำเป็นต้องตรวจสอบเข้มข้น สรุปแล้วปัญหาการคืนภาษีล่าช้าเกิดจาก “คนทุจริตไม่กี่หยิบมือ ได้ส่งผลกระทบต่อสุจริตชนนับล้านชีวิต” นี่เป็นเหตุผลแค่กระพี้ ที่ผู้ใหญ่กรมสรรพากรกล่าวอ้าง หากแต่ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ลงทุนไปด้วยเม็ดเงินก้อนโตเดี้ยงต่างหาก ทำให้การบริหารจัดการคืนภาษีล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เดือดร้อนไปถึงคนพิการผู้ทุพพลภาพ ก็ไม่อาจยื่นขอคืนภาษีผ่านระบบออนไลน์ได้ เพราะในระบบไม่เปิดระบบให้ผู้พิการใช้สิทธิลดหย่อน กล่าวคือ รายได้ผู้พิการ 1.9 แสนบาทแรกไม่นับเป็นรายได้ ทำให้ผู้พิการต้องไปยื่นมือกับสรรพากรพื้นที่ แม้จะได้รับความเมตตาจากเจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลือด้วยการยื่นในระบบออนไลน์ให้นานสองนาน ก็ได้รับการตอบรับจากเจ้าหน้าที่สรรพากรว่า “ระบบมันเอ๋อๆ” จึงจำใจต้องยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่และรอคอยการคืนภาษีภายใน 90 วัน …▶▶
▶▶… นอกจากนี้ ก็ยังมีผู้ขอคืนภาษีออนไลน์ที่มีข้อมูลหักภาษีแสดงในระบบแล้ว แต่ก็ยังถูกเรียกขอเอกสารเพิ่มเติม จนกลายเป็นภาระซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน “เดินดงคมข่าว” เชื่อว่าเป็นเรื่องง่ายๆ เลยครับท่านขุนคลัง ไม่ต้องกู้ ไม่ต้องนำเรื่องไปถกเถียงในสภาฯ ขุนคลังท่านสั่งการด้วยเถิด อย่างน้อยประชาชนอีกกว่าหนึ่งล้านชีวิตก็จะพอได้รับอานิสงส์จากกรณีนี้ กรมสรรพากรควรเลิกแหกตาประชาชน อ้างโน้นนั่นนี่เสียที ประชาชนไม่ได้กินหญ้าอย่างที่ท่านคิด ป่วยการเสียเวลาไปกับการไล่ถอนขนห่าน โน้นไปดูบริษัทยักษ์ที่จ้างนักบัญชี ซึ่งมีอดีตคนสรรพากรเป็นกุนซือหลบเลี่ยงภาษีหลักร้อยหลักพันล้านดีกว่า บ้านเมืองจะได้เจริญกว่านี้ …▶▶… “เดินดงคมข่าว” ได้ยินท่านนายกฯ ออกมาถล่ม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นัยว่าเป็นหน่วยงานที่ไม่มีสามัญสำนึก…ไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซ้ำเติมประชาชน ก็ไม่ทราบว่าท่านนายกฯ เข้าใจบริบทของนายกฯ – ขุนคลัง – แบงก์ชาติกี่มากน้อย จึงออกมากัดจิกองค์กรอิสระเช่นนี้ แล้วรัฐบาลล่ะครับมีสำนึกกี่มากน้อยในการดูแลประชาชนที่เดือดร้อน จากนโยบายหาเสียงที่ท่านโฆษณาชวนเชื่อจนได้รับการเลือกตั้ง แจกหมื่นบาท ไม่ต้องกู้ วันนี้มันก็ต้องกู้ และมีแนวโน้มจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ คำถามคือ สำนึกของนักการเมือง นักเลือกตั้งอยู่ตรงไหนเอ่ย ช่วยตอบทีเถิดหนา???…◆◆
“เดินดงคมข่าว”