“ศาลรัฐธรรมนูญ” รับคำร้องยุบ “พรรคก้าวไกล” ตัดสิทธิกรรมการบริหาร 10 ปี เหตุมีพฤติการณ์ “ล้มล้างการปกครอง” ปมหาเสียงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา “มาตรา 112” ศาลให้ผู้ถูกร้องยื่นแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องไว้พิจารณา หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นคําร้องยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี โดยอ้างเหตุมีพฤติการณ์ ‘ล้มล้างการปกครอง’ และเป็น ‘ปฏิปักษ์’ กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏตามคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง รวมถึงเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ ‘คณะกรรมการบริหารพรรค’ และห้ามมิให้เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ภายในกําหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้อง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ‘พรรคก้าวไกล’ ผู้ถูกร้อง กระทําการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองฯ มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) จึงมีคำสั่งให้รับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย
โดยศาลรัฐธรรมนูญจะแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบ พร้อมส่งสำเนาคำร้องให้กับพรรคก้าวไกลได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันได้รับสำเนาคำร้องนี้
สำหรับคำร้องดังกล่าว กกต.ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ส่งเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญ โดยเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเป็นมติเอกฉันท์ว่า
การที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคในขณะนั้น และพรรคก้าวไกล เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา “มาตรา 112” เพื่อแยกมาตราดังกล่าวออกจากความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ถือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ รวมถึงใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อ ‘ล้มล้างการปกครอง’ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง